ตำรวจลพบุรีโวย ชื่อโผล่มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. รวมกว่า 127 นาย ตั้งแต่ระดับรองผู้บังคับการไปจนถึงชั้นประทวน ทั้งที่มีภูมิลำเนาอยู่ลพบุรี โดยรายหนึ่งมีชื่อใช้สิทธิได้ถึง 4 เขต ด้าน กกต.กทม.เผย ยังไม่ได้รับรายงาน ขณะที่ ปธ.กมธ.ตร. เล็งออกหนังสือเชิญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรทุกภาค สอบข้อเท็จจริง
ความคืบหน้ากรณี ร.ต.ต.ปรีชา เอี่ยมสะอาด อายุ 56 ปี รองสว.สส.ภ.จว.ลพบุรี ได้นำเอกสารรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนจังหวัดลพบุรี ว่า ตนพร้อมเพื่อนข้าราชการตำรวจในสังกัดภูธรภาค 1 โดยเฉพาะจังหวัดลพบุรี รวม 127 นาย ตั้งแต่ระดับรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ไปจนถึงระดับชั้นประทวน มีรายชื่อต้องเดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในวันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค. ทั้งที่ๆ ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดลพบุรี และไม่เคยย้ายเข้ากรุงเทพฯ แต่เหตุใดจึงมีรายชื่อต้องไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
นอกจากนี้ ร.ต.ต.ปรีชา เปิดเผยว่า แค่ตนเพียงคนเดียว กลับมีชื่อสามารถใช้สิทธิ์เลือกตั้งได้ถึง 4 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย เขตหนองแขม เขตคลองเตย เขตบางแค และเขตสายไหม ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ และเบื้องต้นได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว พร้อมยืนยันจะไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 3 มี.ค.อย่างแน่นอน พร้อมขอให้ตัดรายชื่อออกทั้งหมด เพราะเกรงจะมีการทำบัตรผีมาลงคะแนนแทน จึงขอฝากให้ กกต.กทม.ดำเนินการให้ด้วย
ร.ต.ต.ปรีชา กล่าวเพิ่มเติมว่า เท่าที่ตนทราบ นอกจากจะมีรายชื่อตำรวจลพบุรีโผล่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ได้แล้ว ยังมีตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 1 อีกหลายจังหวัดที่มีรายชื่อต้องไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเช่นเดียวกัน
ขณะที่ พล.ร.ท.ณรงค์ ชโลธร ประธาน กกต. เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ดี จะได้มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวต่อไป พร้อมแนะนำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดไปแสดงตัวถอนรายชื่อออกจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยเร็ว
...
วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการตำรวจสภาฯ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคต่างๆ ทั่วประเทศ มีหนังสือแจ้งถึงตำรวจภูธรจังหวัดในสังกัด พร้อมระบุรายชื่อตำรวจในแต่ละจังหวัดตาม สภ.ต่างๆ ให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในวันที่ 3 มี.ค. ว่า ในส่วนของ จ.ตรัง ที่ตนเป็น ส.ส. ซึ่งสังกัดตำรวจภูธรภาค 9 ทราบว่า มีหนังสือดังกล่าวออกมาจริงตามที่เป็นข่าว และมีตำรวจกว่า 70 นาย ถูกระบุรายชื่อว่า ให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่ กทม.
ทั้งนี้ ตนได้สอบถามตำรวจหลายนายที่มีชื่อในหนังสือดังกล่าว กลับปฏิเสธว่าไม่มีภูมิลำเนาอยู่ใน กทม.เลย และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีชื่อเรียกให้ไปใช้สิทธิ ซึ่งสอดคล้องกับในอีกหลายจังหวัดที่มีข่าวนี้ ดังนั้น ตนจะทำหนังสือเรียกตัวผู้บัญชาการตำรวจภูธรทุกภาคที่ออกหนังสือ พร้อมระบุรายชื่อตำรวจให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพื่อสอบข้อเท็จจริง เพราะอยากทราบว่าเป็นนโยบายที่ใครสั่งการให้กระทำ และการระบุชื่อตำรวจที่ไม่มีภูมิลำเนาใน กทม. แต่ให้มาใช้สิทธิได้ ถือเป็นการทำบัญชีผี ผิดกฎหมายหรือไม่ โดยจะนำเรื่องนี้เป็นวาระด่วนพิเศษประชุมทันทีในสัปดาห์หน้า
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ขอเตือนตำรวจทุกนายที่ได้รับหนังสือดังกล่าว หรือมีชื่อว่าให้ไปใช้สิทธิ โดยที่รู้แก่ใจแล้วว่าไม่เคยมีภูมิลำเนาอยู่ใน กทม. และไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ขอย้ำเตือนตำรวจเหล่านี้ว่า อย่าไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง เพราะถือเป็นความผิดกฎหมายอาญาและกฎหมายเลือกตั้ง ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา ทางตำรวจภูธรภาคทั่วประเทศ ไม่เคยมีการออกหนังสือ พร้อมระบุรายชื่อตำรวจแบบเจาะจงให้ไปใช้สิทธิ์เช่นนี้ จึงถือว่าเป็นความไม่ชอบมาพากล ที่เข้าข่ายการใช้อำนาจรัฐเข้าแทรกแซง โดยอ้างการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ อย่างไร ซึ่งกรรมาธิการฯ จะติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพราะเข้าข่ายการใช้อำนาจโดยมิชอบ.