ชัยชนะอย่างท่วมท้นของ พรรคฝ่ายค้าน DPJ หรือ พรรคเดโมแครต ปาร์ตี้ ออฟ แจแปน ภายใต้การนำของ นายยูกิโอะ ฮาโตยามา มหาเศรษฐีวัย  62  ปี  ซึ่งเพิ่งขึ้นมาเป็น  ผู้นำฝ่ายค้าน ได้ไม่กี่เดือน เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง

สะท้อนถึงความเบื่อหน่ายของคนญี่ปุ่นที่มีต่อ นายกฯทาโร อาโซะ ซึ่งกลายเป็น "ผู้นำที่ล้มเหลว" ทำให้ พรรคแอลดีพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลมายาวนานถึง 50 ปี นับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ต้องกลายเป็น พรรคฝ่ายค้าน ไปในชั่วข้ามคืน

พรรคดีพีเจ  ของ  ว่าที่นายกฯฮาโตยามา  กวาดที่นั่ง  ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรไปได้ถึง 308 ที่นั่ง จากจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 480 ที่นั่ง ส่วน พรรคแอลพีดี ของ นายกฯอาโซะ เหลือแค่ 119 ที่นั่ง

แม้พรรคดีพีเจจะได้เสียงข้างมากเกินครึ่งในสภา สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้อย่างสบาย แต่ ว่าที่นายกฯฮาโตยามา ก็ไม่ทอดทิ้ง พรรคร่วมฝ่ายค้าน สองพรรคเล็กที่เคยกอดคอร่วมกัน ดึงเข้ามาร่วมเป็นรัฐบาลผสมด้วย

การพ่ายแพ้อย่างยับเยินของ  นายกฯอาโซะ  ผู้นำพรรคแอลดีพี คือ การลงโทษอย่างรุนแรงจากประชาชนญี่ปุ่นต่อ "ผู้นำประเทศที่ล้มเหลว" แถม ยังก่อหนี้สินก้อนใหญ่ ทิ้งให้เป็นภาระของประชาชน จากนโยบายประชานิยมไร้สาระ เหมือน นโยบายประชานิยมรัฐบาล นายกฯอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  หลายโครงการ  ซึ่งเอาเงินทิ้งน้ำ แต่ซื้อใจประชาชนไม่ได้ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์

ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า คนญี่ปุ่น ต้องการ Change หรือ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งในแวดวงการเมืองญี่ปุ่น และนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ถึงแม้จะไม่รู้ว่า ผลในอนาคตจะออกมาเป็นอย่างไร แต่คนญี่ปุ่นก็คิดว่า ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า การเปลี่ยนพรรค เพื่อ เปลี่ยนรัฐบาล และ เปลี่ยนตัวผู้นำรัฐบาล น่าจะเป็น ทางเลือกที่ดีกว่า ที่จะอยู่อย่างปัจจุบัน

ด้วยความรู้สึกที่อยากเปลี่ยนแปลงนี้เอง ทำให้คนญี่ปุ่นที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง 104 ล้านคน ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์
คุณลุงวัย 77 ปี ซึ่งลงคะแนนให้พรรคดีพีเจ บอกว่า นี่เป็นการเลือกตั้งเพื่อบอกลาพรรคแอลดีพี มันเป็นเรื่องไร้สาระที่ต้องทนนั่งดูพรรคนี้ เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีถึง 4 คนในช่วงเวลา 4 ปี โดยไม่มีการถามความเห็นของประชาชนเลย

นี่คือความรู้สึกของคนญี่ปุ่น ซึ่งคนไทยควรจะศึกษาไว้

ว่าที่นายกฯยูกิโอะ ฮาโตยามา เป็น หลานปู่ ของ ตระกูลฮาโตยามา ซึ่งเป็น ผู้ก่อตั้งพรรคแอลดีพี เมื่อปี 1955 และคุณปู่ ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของพรรคแอลดีพี แต่วันนี้หลานปู่ กลับมาเป็นนายกฯของพรรคฝ่ายค้านคู่แข่งพรรคแอลดีพี

นโยบายสำคัญ ของ ผู้นำญี่ปุ่นคนใหม่ ซึ่งผมคิดว่าคนไทยเราจะต้องจับตามองก็คือ นโยบายต่างประเทศ และ นโยบายเศรษฐกิจในเอเชีย

ผู้นำญี่ปุ่นคนใหม่ ประกาศชัดเจนว่า จะเลิกตามก้นสหรัฐฯ และ หันมาคบกับชาวเอเชียมากขึ้น ในฐานะคนเอเชียด้วยกัน เพื่อรับมือกับการท้าทายของ ประเทศจีน ซึ่งกำลังรุกคืบหน้าขึ้นมาเป็น ผู้นำเศรษฐกิจแห่งเอเชีย  ทั้งๆที่ญี่ปุ่นมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ใหญ่กว่าเศรษฐกิจจีนด้วยซ้ำ

เมื่อสองยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจแห่งเอเชีย ซึ่งเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก กับมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลก ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ของโลก แข่งขันหาเพื่อนในเอเชีย ถ้าเรามีรัฐบาลที่เก่งทั้งทางเศรษฐกิจและต่างประเทศ ผมรับรองว่าไทยเราจะได้ประโยชน์มหาศาลจากการแข่งขันของสองมหาอำนาจนี้

แต่ดูการทำงานของ "รัฐมนตรีนอมินี" ในรัฐบาล ซึ่งต้องหอบงานไป "ประชุมที่บ้านรัฐมนตรีเงาตัวจริง" ชาวบ้านเลขที่ 111 ทุกเรื่องทุกสัปดาห์แล้วก็เศร้าใจแทนประเทศไทย ผมว่าประเทศไทยเราก็ Need Change ต้องการความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เหมือนกัน ก่อนที่จะจมลงไปเรื่อยๆอย่างไร้อนาคต.

"ลม เปลี่ยนทิศ"

...