ศาลอาญา นัดฟังคำสั่ง นปช.ยื่นประกันตัว "เจ๋ง ดอกจิก" พรุ่งนี้เวลา 10.00 น. หลังยื่นหลักทรัพย์ 6 แสนบาท ขอประกัน ด้าน "นิพิฏฐ์" ร้องค้าน ส่วนแกนนำแดงรับ กรณี "เจ๋ง" ทำคนอื่นต้องระวังคำพูด...
วันที่ 4 ก.ย. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอาญานัดไต่สวน นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ "เจ๋ง ดอกจิก" เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และจำเลยที่ 7 ในคดีก่อการร้าย ที่ถูกศาลสั่งเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวไว้ มาสอบถามข้อเท็จจริง ภายหลัง นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความใช้เงินสด 6 แสนบาท ยื่นคำร้องขอประกันตัว นอกจากนี้ มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มาเบิกความรับรองความประพฤติให้จำเลยด้วย
โดยวันนี้ นายยศวริศ จำเลยที่ 7 มาศาล เช่นเดียวกับ นางกรุณา มอริส ภรรยานายยศวริศ นางธิดา และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงประมาณ 10 กว่าคน เดินทางมาเป็นกำลังใจ
...
ขณะที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ร้อง ก็เดินทางมาศาลด้วย ต่อมานายยศวริศแถลงต่อศาลว่า ตนรู้สึกสำนึกผิดและตลอดระยะเวลาที่อยู่ในเรือนจำชั่วคราวหลักสี่ เป็นเวลา 2 อาทิตย์ ก็นึกทบทวนอยู่ตลอด และถ้าศาลเมตตาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวอีกครั้ง ก็จะไม่ละเมิดสัญญาประกันตัว และจะระมัดระวัง ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพบุคคลอื่น ดูหมิ่น หรือทำผิดกฎหมาย ตอนนี้ตนยังมีตำแหน่งเป็นเลขานุการ นายฐานิสร์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย
นอกจากนี้ ก็มีหน้าที่เลี้ยงดูบุตร ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง และภรรยาของตนไม่มีรายได้ ส่วนกรณีที่ได้เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตนเคยขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวขอโทษไปแล้ว และถ้าได้รับการประกันตัวก็จะทำหนังสือขอโทษไปยังองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการอีกครั้ง และให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่มีการพูดปราศรัยหรือยุ่งเกี่ยวพาดพิงถึงศาลรัฐธรรมนูญอีก
ส่วนการประกันตัวในครั้งนี้ นอกจากเงินประกันตัวจำนวน 6 แสนบาทแล้ว ในการยื่นคำร้องครั้งนี้ตนเพิ่งทราบว่า ยังมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมช.มหาดไทย มาเบิกความและลงนามรับรองความประพฤติตนอีกด้วย ทั้งนี้ ยังมี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย ซึ่งแม้ไม่ได้เดินทางมาเบิกความเนื่องจากติดภารกิจ แต่ก็ได้ร่วมลงรายชื่อรับรองความประพฤติให้ตนด้วย
ขณะที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ร้อง แถลงคัดค้านการยื่นประกันตัวต่อศาลว่า จำเลยเพิ่งถูกควบคุมตัวเป็นระยะเวลาที่สั้น และเห็นว่ายังไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งศาล และนายยศวริศเองตอนที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ก็มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าบุคคลทั่วไป อีกทั้งกรมราชฑัณฑ์ยังมีการอนุญาตให้ร้องเพลงคาราโอเกะในเรือนจำอีกด้วย นอกจากนี้ ที่ศาลอาญานัดจำเลยมาสอบถามการผิดเงื่อนไขประกันตัว เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งถอนประกันตัวนายยศวริศ ได้มีการนำ นายฐานิสร์ เทียนทอง รมช.มหาดไทย ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา และ พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว รองผบก.น.1 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ดูแลการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ที่หน้ารัฐสภา มาเบิกความรับรองนั้น ตนเห็นว่าเป็นพยานที่มีน้ำหนักมากกว่า พล.ต.อ.ประชา และนายเสริมศักดิ์ ที่ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาโดยตรง และในเรื่องนี้ควรจะมีข้อวินิจฉัยอยู่ประเด็นเดียว คือ จำเลยผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้ร้องคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว นายก่อแก้ว พิกุลทอง จำเลยที่ 5 ที่ศาลนัดสอบถามจำเลยในวันที่ 29 พ.ย.นี้ หากศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายยศวริศในครั้งนี้ ตนจะขอถอนคำร้องการคัดค้านการประกันตัวของนายก่อแก้ว จำเลยที่ 5 เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์ในการยื่นคำร้องอีกต่อไป เพราะหากในตอนนั้นศาลมีคำสั่งถอนประกัน นายก่อแก้ว จำเลยที่ 5 ก็จะมีฝ่ายการเมือง เช่น พล.ต.อ.ประชา มารับรองอีก ศาลก็จะต้องให้ประกันตัว มิฉะนั้นจะเกิดข้อครหา หรือการวิพากษ์วิจารณ์ที่จะส่งผลเสียต่อกระบวนการยุติธรรม
นายนิพิฏฐ์ แถลงต่ออีกว่า นอกจากในคดีนี้ นายยศวริศยังเป็นจำเลยในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งคดีความอยู่ที่ศาลอาญาแห่งนี้ และในคดีดังกล่าวจำเลยได้ขอถอนคำรับสารภาพในวันเดียวกับที่ศาลได้นัดฟังคำ พิพากษาด้วย และที่จำเลยแถลงว่า จำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่ทำเพื่อส่วนร่วม แต่ตนเกลับเห็นว่า จำเลยมีพฤติกรรมที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ขัดกับที่จำเลยแถลง และในคดีนี้ตนไม่ได้ร้องขอให้ศาลคุมขังจำเลยไว้ตลอดเวลา ระหว่างการพิจารณาคดี แต่เห็นว่าจำเลยเพิ่งจะอยู่ในเรือนจำเพียง 2 สัปดาห์ ระยะเวลาที่ถูกคุมขังในเรือนจำนั้นสั้นเกินไป การคุมขังควรจะมีระยะเวลาที่เหมาะสม และสามารถจะอธิบายต่อสังคมได้
ด้านนายวิญญัติ ทนายความจำเลย แถลงว่า ที่นายนิพิฏฐ์ยื่นคำร้องคัดค้านการประกันตัวนายยศวริศต่อศาลนั้น เห็นว่าเป็นการใช้สิทธิ์โดยไม่มีกฎหมายรับรอง หรือให้อำนาจไว้ เพราะหากจะมีการคัดค้านการประกันตัว ต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญา มาตรา 108/2 และเห็นว่าการจะให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยหรือไม่นั้น เป็นอำนาจและดุลพินิจของศาลที่จะต้องให้ความคุ้มครองสิทธิของจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 40
ส่วนการนำตัวนายฐานิสร์ ในฐานะผู้บังคับบัญชา มาเป็นพยานรับรองความประพฤติให้จำเลยเมื่อวันที่ 22 ส.ค.นั้นถูกต้องแล้ว แต่การนำ พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว รองผบก.น.1 นั้น เพื่อมาให้ข้อเท็จจริงต่อศาลในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลการชุมนุมของ นปช. บริเวณหน้ารัฐสภา แต่ไม่ได้มาเป็นพยานเพื่อรับรองความประพฤติให้จำเลย
นายวิญญัติ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายนิพิฏฐ์แถลงว่า กรณีที่ พล.ต.อ.ประชา และนายเสริมศักดิ์ มาเป็นพยานและรับรองความประพฤติให้กับจำเลยนั้นไม่มีน้ำหนักเพียงพอ หรือมีน้ำหนักน้อยกว่านายฐานิสร์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาจำเลยโดยตรงนั้น เห็นว่า พล.ต.อ.ประชา เป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือ และมีความสำคัญกับฝ่ายบริหาร เช่นเดียวกับนายเสริมศักดิ์ แต่ทั้งสองมาเบิกความในฐานะส่วนตัวที่เคยรู้จักและร่วมงานกับนายยศวริศ จำเลย มานานหลายปี และกรณีที่นายนิพิฏฐ์แถลงต่อศาลว่า จำเลยถูกดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 อีกคดีว่า คดีดังกล่าว ตนเป็นทนายความให้จำเลยด้วย ที่จำเลยแถลงขอถอนคำรับสารภาพในภายหลังนั้น เพราะจำเลยมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนและเป็นการใช้สิทธิของจำเลย
และที่นายนิพิฏฐ์แถลงว่า หากศาลให้ประกันตัวนายยศวริศ ก็จะถอนคำร้องเสนอข้อเท็จจริงให้ศาลพิจารณาเพิกถอนประกันนายก่อแก้ว จำเลยที่ 5 เนื่องจากไม่มีประโยชน์นั้น เห็นว่าผู้ร้องใช้นายยศวริศเป็นตัวเป็นประกัน เป็นการใช้สิทธิโดยมิชอบ
นอกจากนี้ ที่นายนิพิฏฐ์ระบุว่า จำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ โดยระยะเวลาอันสั้นนั้น ถือเป็นดุลยพินิจของศาล และการนำคาราโอเกะไปร้องให้จำเลยฟังภายในเรือนจำนั้น ถือเป็นอำนาจหน้าที่และการใช้ดุลยพินิจของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งได้ดำเนินการมาก่อนที่นายยศวริศจะถูกเพิกถอนประกันตัวและย้ายไปอยู่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ ภายหลังไต่สวนนายยศวริศ จำเลยที่ 7 คดีก่อการร้ายเสร็จแล้ว ศาลได้นัดฟังคำสั่งให้ประกันตัวหรือไม่ ในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น.
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิญญัติ ทนายความของนายยศวริศ ที่ศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัวและ ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ เมื่อวันที่ 22 ส.ค. กรณีขึ้นกล่าวปราศรัยและเปิดเผยที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและครอบครัวกับกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ได้เปิดเผยก่อนการเบิกความขอยื่นประกันตัวนายยศวริศ ว่า เรายังคาดหวังว่า มีโอกาสที่สามารถยื่นขอประกันตัวนายยศวริศได้ ซึ่งการเข้าไปอยู่เรือนจำของนายยศวริศ ต้องยอมรับว่าเป็นการสมควร เพราะพฤติกรรมที่ขาดความยับยั้งชั่งใจ ถือเป็นบทเรียนให้นายยศวริศรู้จักระมัดระวังคำพูด และนายยศวริศจะต้องยอมรับข้อผิดพลาดนี้ต่อศาล
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลได้ไต่สวนพยาน 2 ปาก ประกอบด้วย พล.ต.อ.ประชา และนายเสริมศักดิ์ ซึ่งเคยเป็นข้าราชการระดับสูงและนักการเมืองที่มีความน่าเชื่อถือไปแล้ว เหลือเพียงไต่สวนนายยศวริศปากเดียวเท่านั้น เชื่อว่าวันนี้ศาลน่าจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ส่วนหลักทรัพย์ที่ยื่นไว้ 6 แสนบาท หากไม่เพียงพอ ก็พร้อมยื่นหลักทรัพย์เพิ่มเติมได้ ขึ้นอยู่กับศาลว่าเห็นควรอย่างไร
ด้านนายวิภูแถลง กล่าวว่า เท่าที่ได้รับฟังจากผู้ใหญ่ พอทราบว่าครั้งนี้นายยศวริศน่าจะอยู่เรือนจำไม่นาน แต่ก็ยังมีตัวแปรอื่นอยู่ เพราะนายยศวริศเป็นเหยื่อของสถานการณ์ ซึ่งการเข้าไปอยู่เรือนจำของนายยศวริศก็อธิบายได้หลายเรื่อง ศาลต้องการให้นายยศวริศระวังคำพูด มีสติยั้งคิด เมื่อต้องพูดในที่สาธารณะ ทำให้พวกตนและแกนนำ นปช.คนอื่น ต้องระมัดระวังการปฏิบัติตัวให้มาก โดยใช้เรื่องของนายยศวริศเป็นสติเตือนใจไปด้วย.