การยิงปืนเที่ยง เลิกกันหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 สำนวนไกลปืนเที่ยง หมายถึงคนบ้านนอก อย่างน้อยก็อยู่ นอกเขตกรุงเทพฯ อยู่ไกลจนไม่ได้ยินเสียงปืนเที่ยง
มีคำถาม...คนใกล้ปืนเที่ยงเล่า...ศิวิไลซ์ ทันสมัย...สักแค่ไหน... และปืนเที่ยงนอกจากบอกเวลาเที่ยงแล้ว ยังส่งสัญญาณไปถึงอะไร ต่อมิอะไรต่อไปอีก
เปิดอ่านหนังสือ ปากพูดหูเพี้ยน (สำนักพิมพ์เพชรประกาย) สังคีต จันทนะโพธิ เขียนว่า ปืนเที่ยงที่ว่ายิงจากฝั่งพระนคร แต่ก็ผูกพันอยู่กับพระปรางค์วัดอรุณ ฝั่่งธนบุรี ชนิดแยกกันไม่ได้
ตอนผมเป็นทหาร สังกัดกรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ ที่ตั้งกรมเป็นตึกแท่งสี่เหลี่ยมสีเทา อยู่ริมแม่น้ำติดกับองค์พระปรางค์ หน้าที่ประจำเข้ายาม ตีระฆังบอกเวลาแบบทหารเรือ โดยดูเวลาจากนาฬิกาเรือนใหญ่ ที่ตั้งอยู่ ตรงข้างประตูทางเข้า
นาฬิกาเรือนนี้ เป็นนาฬิกาที่ทหารเรือรับเป็นหน้าที่เทียบเวลาสมมติกรีนิช บอกเวลาคนทั่วประเทศ
ทุกครึ่งชั่วโมง ทหารเรือตีระฆัง 1 ครั้ง เริ่มต้น 1 เมื่อ 08.30 น. แล้วก็เพิ่มไปเรื่อยๆ จนถึง 12.00 น. ก็ตี 8 ครั้ง เที่ยงครึ่งก็นับหนึ่งใหม่ ระฆังทหารเรือตีไม่เกิน 8 ครั้งครับ ผมถามจ่า จ่าก็ขู่ว่า ถ้าเผลอตี 9 ครั้ง ยักษ์จะออกมากิน
ถ้ายักษ์มีจริง จะมาจากไหน ถ้าไม่ใช่ยักษ์ที่ถือกระบองยืนจังก้าอยู่หน้าวัดอรุณ แล้วเคยมีข่าวยกพวกเหาะข้ามแม่น้ำไปตีกับยักษ์วัดโพธิ์ จนบ้านเรือนหรือป่าละแวกนั้นโล่งราบเลี่ยนเตียน เป็นที่มาของชื่อท่าเตียน
ฟื้นความหลังตอนนี้ ผมจึงรู้ว่า หน้าที่ตีระฆัง ที่ผมทำตลอดสองปีที่เป็นทหาร เป็นหน้าที่ที่รับช่วงต่อมาจากสมัยยิงปืนเที่ยงนี่เอง
หน่วยงานที่รับภาระยิงปืนเที่ยง ก็ทหารเรือนี่แหละ กำหนดเวลาที่ถือว่าเที่ยงตรงเป๊ะ ก็คือพระอาทิตย์ตรงหัว
แต่พระอาทิตย์ไม่ตรงหัวทุกคนเหมือนกัน ทหารเรือก็วัดแดด วัดดาว ใช้วิชาดาราศาสตร์ คำนวณเผื่อเหลือเผื่อขาด แล้วออกมาตรงเวลากรีนิช ไม่ผิดพลาดเลยแม้สักเสี้ยววินาที
หมุดหมาย ที่ทหารเรือใช้...คือเงาแสงดวงอาทิตย์ ที่คล้อยไปตามพระปรางค์วัดอรุณ เมื่อได้เวลาเที่ยงตรง ก็ชักธงส่งสัญญาณ บอกไปให้ทหารเรือ กองเรือปืนกล ที่อยู่แถวท่าราชวรดิษฐ์
สังคีต จันทนะโพธิ บอกว่า ปืนที่ใช้ยิง เป็นปืนคาลิเบอร์ ขนาดกระสุนราว 4 นิ้ว เป็นปืนบนเรือรบ แต่ถอดออกมาใส่รถมีล้อเข็น หันปากลำกล้องปืน ไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา
แม้จะใช้ลูกกระสุนปลอมทำด้วยไม้ แต่กระนั้นก็ประมาทไม่ได้ ก่อนเวลายิงสองสามนาที ทหารเรือจะเอาธงแดงสองธงไปปักไว้ทั้งด้านเหนือใต้ บอกสัญญาณห้ามเรือผ่าน
ธง...เที่ยงตรง ชักขึ้นยอดเสา ทหารปืนก็ยิงปืนดังตูมใหญ่ นัดเดียว ส่งเสียงดังกังวาน แล้วก็จางหาย
เสียงปืนเที่ยง...บรรดาพระสงฆ์ที่กำลังฉันเพล ก็ต้องวางช้อนเลิกฉัน เรือที่อยู่ในรัศมีลูกกระสุนปืนเที่ยง ที่ต้องหยุดรอเวลา ก็แล่นต่อไปได้
ทุกชีวิตใต้เสียงปืนเที่ยง ถูกเตือนให้ตั้งสติว่า กำลังทำอะไรอยู่
สังคีต จันทนะโพธิ บอกว่า ปลายสมัยยิงปืนเที่ยง...หลวงท่านอนุญาต ให้เล่นไพ่ตองพนันเอาทรัพย์สินกันได้...สิ้นเสียงปืนเที่ยง ขาประจำที่มายืนรอ นั่งรอ ก็พร้อมกันล้อมวง เล่นกันจนถึงเที่ยงคืน
เวลาเลิกบ่อนไพ่ตอง ไม่มีเสียงปืนเที่ยงคืน นักเลงไพ่ตองที่ติดพัน และเจ้าของบ่อน ก็คงตีตั๋วเล่นกันต่อไป เหมือนบ่อนการพนัน เหมือนสถานบริการบันเทิงสมัยใหม่ ที่มักตีตั๋วต่อเวลาโดยการขยิบตาของตำรวจท้องที่
สำนวนจีนว่า งานเลี้ยงต้องเลิกรา แต่งานเลี้ยงเรื่องบ่อนในไทย...ไม่เคยเลิกรา
ไม่ว่าหลวงจะอนุญาตหรือไม่ ถ้าตีตั๋วญาตินายกฯ หรือตั๋วรัฐมนตรี แม้มีข่าวชูวิทย์ป่วนให้สะดุดบ้าง ก็ยังเล่นได้ราบรื่น
บ่อนที่หยุดบ้างบางเวลา ก็น่าจะเป็นบ่อนที่ตีตั๋วฝ่ายค้าน แต่เมื่อเคลียร์ได้ ใจถึงเงินถึงเสียอย่าง เรื่องบ่อนไม่มีฝ่ายรัฐบาลฝ่ายค้าน ถึงไม่มีเสียงปืนเที่ยงให้สัญญาณ ก็ยังเล่นกันต่อไปได้ ไม่เช่นนั้น จะถูกหาว่าเอาใจช่วยบ่อนเขมร บ่อนพม่า.
...
กิเลน ประลองเชิง