วุฒิสภาเริ่มกระบวนการถอดถอน “สุเทพ เทือกสุบรรณ” แล้ว ขณะ "ประธานฯ นิคม" ย้ำสมาชิกเป็นกลาง อย่าทำตัวเสื่อมเสียเกียรติยศ พร้อมไฟเขียวให้ยื่นหลักฐานเพิ่มเติมได้...
เมื่อเวลา 10.10 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุมเพื่อพิจารณากระบวนการถอดถอน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 273 นางพรทิพย์ โล่ห์วีระ จันทร์รัตนปรีดา รองประธานวุฒิสภาประธานที่ประชุม ได้ให้เลขาธิการวุฒิสภาอ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายนิคม ไวยรัชพานิช เป็นประธานวุฒิสภา จากนั้นได้เชิญนายนิคมขึ้นทำหน้าที่ประธาน
โดยนายนิคมแจ้งว่า ได้พิจารณาแล้วเห็นควรให้เพิ่มวันประชุมวุฒิสภาจากเดิมทุกวันจันทร์ เพิ่มวัน อังคารอีกวันช่วงบ่ายหลังการประชุม ครม.เสร็จสิ้นแล้ว เนื่องจากสารบบงานวุฒิสภามีเรื่องค้างรอการบรรจุจำนวนมาก การพิจารณาเพียงสัปดาห์ละ 1 วัน คงไม่เพียงพอ โดย ส.ว.ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุน พร้อมเสนอให้กำหนดวาระพิจารณากระทู้ถามให้ชัดเจน และขอให้ประสานกับรัฐบาลเพื่อส่งรัฐมนตรีมาชี้แจงด้วย รวมถึงขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อติดตามการตอบกระทู้ของรัฐบาล และติดตามการนำผลการศึกษาของกรรมาธิการสามัญของวุฒิสภาไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป
จากนั้นนายนิคมได้ชี้แจงขั้นตอน กระบวนการถอดถอนนายสุเทพว่า ขอแจ้งเตือน ส.ว.ทุกคนว่าตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ตั้งแต่ข้อ 114 เป็นต้นไปจนเสร็จสิ้นการออกเสียงลงคะแนนตามข้อ 124 สมาชิกต้องวางตัวเป็นกลางและเที่ยงธรรม ไม่กล่าวหรือแสดงไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ ซึ่งข้อความหรือความเห็นอันจะทำให้การพิจารณาและการวินิจฉัยของที่ประชุมต้องเสียความยุติธรรมไปได้ เช่น การวิพากษ์ต่อสาธารณะในการดำเนินคดี หรือพยานหลักฐานของฝ่ายใดในลักษณะที่ไม่เหมาะสมต่อความเป็นกลางในคดี การให้ความเห็นต่อสาธารณะ โดยประสงค์จะบ่งบอกให้ทราบว่าตนจะมีมติเช่นใด การให้ความเห็นในหมู่สมาชิกอันเป็นการผิดจากข้อเท็จจริงแห่งคดี หรือการวิพากษ์โดยไม่เที่ยงธรรม อันส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่เกี่ยวข้องในคดี และการชักจูงหรือชี้แนะในลักษณะที่เสื่อมเสียแก่เกียรติศักดิ์ของการเป็นสมาชิก
...
ต่อมานายสุเทพได้แจ้งต่อที่ประชุม เพื่อขอยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติม คือคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้วินิจฉัยกรณี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม มีคำสั่งแต่งตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปปฏิบัติงานที่ ศปภ. ซึ่งในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยยกฟ้อง โดยนายสุเทพอ้างว่ากรณีดังกล่าวตนไม่สามารถทราบก่อนว่าศาลจะวินิจฉัยอย่างไร จึงไม่ได้นำไปอ้างอิงในช่วงการพิจารณาคดีของ ป.ป.ช. ซึ่งกรณีของตนเทียบเคียงแล้วพบว่าใกล้เคียงกัน และได้ศึกษาคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.ที่ผ่านมา จึงเห็นว่าน่าจะเป็นข้อมูลหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของวุฒิสภา ขณะที่นายชัยรัตน์ ขนิษฐบุตร ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ซึ่งได้รับมอบหมายจาก ป.ป.ช.ชี้แจงว่า พยานหลักฐานที่นายสุเทพนำมายื่นเพิ่มเติมเป็นหลักฐานที่ไม่เคยเข้าสู่กระบวนการไต่สวนของป.ป.ช.มาก่อน ทาง ป.ป.ช.จึงไม่ขัดข้อง จากนั้นที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้นายสุเทพเพิ่มเติมพยานหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณาของวุฒิสภาด้วยคะแนน 98 ต่อ 1 เสียง โดยการประชุมนัดต่อไปวันที่ 7 ก.ย.จะให้ผู้กล่าวหา คือ ป.ป.ช.แถลงเปิดคดี และให้ผู้ถูกกล่าวหาคือนายสุเทพแถลงคำคัดค้าน