ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ในช่วงบ่ายๆค่อนข้างไปในทางเย็นหน่อยๆของวันพุธที่ 2 เดือนเมษายน พ.ศ.2568...วันที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศไทยเราคลี่คลายลงไปมากแล้ว

ความเสียหายเฉพาะหน้าที่หนักที่สุด สะเทือนใจที่สุดและเจ็บปวดที่สุด มีอยู่เพียงจุดเดียวเท่านั้น คือ การพังทลายของตึกที่กำลังสร้างสำนักงานใหม่ สตง.

ส่วนความเสียหายในอนาคตที่จะตามมาจะมากน้อยเท่าใด? ยังเป็นเรื่องที่เราจะต้องรอลุ้นกันต่อไป...แต่ที่แน่ๆทางด้านการท่องเที่ยว คาดว่าจะถดถอยลงอย่างแน่นอน

รวมทั้งเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งเริ่มมีข่าวว่ามีการแจ้งยกเลิกการเดินทางมาบ้างแล้ว

จะเป็นเรื่องชั่วคราวหรือจะยืดเยื้อยาวนานสู่เทศกาลอื่นๆ หรือไม่? คงต้องลุ้นกันต่อไป...ผมก็ได้แต่ภาวนาล่วงหน้าขออย่าให้ยืดเยื้อยาวนานเป็นอันขาด  เพราะความหวังในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แท้จริงก็อยู่ที่การท่องเที่ยวนี่แหละ

ขณะเดียวกันที่คาดว่าจะอาการหนักอย่างแน่นอนก็คือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง...โดยเฉพาะพวกตึกสูงๆ เช่น คอนโดมิเนียมทั้งหลาย ที่แม้นว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้จะไม่มีคอนโดฯไหนพังลงมาให้เห็นอีก แต่ภาพเศษกระจก เศษอิฐ เศษปูน ที่หล่นกระจายในตึกต่างๆ รวมทั้งรอยปริ รอยร้าว ฯลฯ ที่เกิดขึ้น

คงจะสร้างความหวั่นไหวและมีผลกระทบต่อความต้องการที่จะซื้อคอนโดฯในประเทศไทยเราอย่างมาก...แม้แต่คนมีเงินต่างประเทศที่เมื่อก่อนแห่มาซื้อเพราะเขานึกว่าบ้านเราปลอดภัยจากแผ่นดินไหว...แต่จากนี้ไปความเชื่อเช่นนี้คงจะหดหายไป

กำลังนั่งนึกว่ายังจะมีผลกระทบจากแผ่นดินไหวอะไรอีกบ้างที่เราจะต้องหาทางแก้ไข, ป้องกัน หรือเร่งรัดให้ฟื้นตัวโดยเร็ว

เพื่อน 2-3 รายของผมก็แชร์ข่าวร้ายมาอีก 2 ข่าวเสียก่อน... ข่าวแรกเป็นหัวข่าวสั้นๆของ BBC ระบุว่า ทั่วโลกต่างใจจดใจจ่อรอการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของประธานาธิบดีทรัมป์

...

ยังไม่รู้ใครจะโดนอะไรบ้าง? หนักเบาแค่ไหน? รอเวลาการทำงานของทำเนียบขาว ช่วงเช้าวันพุธที่ 2 เมษายน หรือประมาณ 2 ทุ่ม 3 ทุ่ม คืนวันพุธบ้านเรา 

ป่านฉะนี้คงทราบแล้วนะครับว่า “แผ่นดินไหว” จากประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งนี้ส่งผลกระทบกระเทือนระดับไหนมาถึงประเทศไทยของเราบ้าง? ผมหวังว่า...คงจะไม่ถึงขนาด 8.2 แบบที่มาจากพม่า และประเทศไทยโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ คงเตรียมการแก้ไข ป้องกันหรือตอบโต้หรือ ฯลฯ เอาไว้แล้ว

ข่าวร้ายที่ 2 มาจากข่าวของสำนักข่าวออนไลน์หลายสำนักบอกว่ามีการตรวจสอบเว็บไซต์ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 2 เมษายน พบว่าในวันที่ 3 เมษายน หรือวันพฤหัสบดีรุ่งขึ้นรัฐบาลได้เสนอร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (ซึ่งมีเรื่องบ่อนพนันด้วย) ไปยังสภา และได้มีการบรรจุไว้ในวาระการประชุมวันที่ 3 เม.ย.เรียบร้อยแล้ว

เอาเถอะถึงจะบรรจุลงวาระไปแล้ว ท่านประธานสภากรุณาหาทางเตะถ่วงไว้ก่อน อย่าเพิ่งหยิบมาพูดได้ไหมครับ 

คนไทยกำลังอยู่ในอาการเศร้าหมองกับข่าวร้ายในหลายๆเรื่อง ที่ประดังเข้ามา...ยังจะมาพูดมาพิจารณาเรื่องนี้ให้จิตใจเศร้าหมองขึ้นไปอีก ไม่ถูกกาลเทศะเลยจริงๆครับ

ดูเหมือนเครือข่ายภาคประชาชนจะออกมาแถลงข่าวไม่เห็นด้วยกับความรีบร้อนที่จะพิจารณากฎหมายฉบับนี้ และอยากให้มีการทำประชามติถามประชาชนก่อนว่าจะเอาหรือไม่เอา

ผมเห็นด้วยกับเครือข่ายประชาชน 100 องค์กรครับว่าเราควรทำประชามติถามประชาชนก่อนว่าจะเอาหรือไม่เอาบ่อนกาสิโน เพราะเป็นเรื่องสำคัญเหลือเกินต่ออนาคตของประเทศไทย.

"ซูม"

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม