“นายกฯ แพทองธาร” ลั่น ตึก สตง. ถล่มจากแผ่นดินไหว ต้องหาสาเหตุและผู้รับผิดชอบให้ได้ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะอยู่ยาก สั่งการ 8 กระทรวงเร่งแก้ไขปัญหาทุกมิติ “ทวี” เผย ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ตรวจสอบ บ.ต่างชาติ

วันที่ 1 เมษายน 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุมหลายเรื่อง เริ่มจากสถานการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลให้หลายพื้นที่ในประเทศไทยได้รับผลกระทบทำให้สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือ และ กทม. ขอสั่งการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงาน และระดมทุกสรรพกำลังจากทั้งภาครัฐ เอกชน และอาสาสมัครในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าว และรัฐบาลขอขอบคุณจากใจในทุกภาคส่วนถึงความเสียสละของทุกๆ ท่านที่ร่วมมือกันจนสถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว แต่เพื่อเป็นการป้องกัน การเตรียมรับมือและมีมาตรการที่ชัดเจนในการรับมืออุบัติภัย ภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ ทุกประเภท ทั้งอุทกภัย สึนามิ ไฟป่า รวมถึงแผ่นดินไหว โดยขอสั่งการดังต่อไปนี้

นายกฯ ลั่น ต้องหาสาเหตุ-ผู้รับผิดชอบตึกถล่มให้ได้ สั่ง 8 กระทรวงเร่งแก้ทุกมิติ

...

1. ให้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการจัดทำแผนและมาตรการในการป้องกันภัยพิบัติต่างๆ โดยมีการแบ่งหน้าที่และขั้นตอนต่างๆ อย่างชัดเจน (Flowchart) เพื่อให้เกิดความเข้าใจกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับมาเสนอภายในสิ้นเดือนนี้ และขอให้ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หามาตรการในการประสานงานกับทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมอุตุนิยมวิทยา และ กสทช. ในการส่งข้อความเตือนภัยที่ชัดเจน และรวดเร็วมากขึ้น ให้มีการใช้ระบบ Virtual cell broadcast กับอุปกรณ์โทรศัพท์ทุกรูปแบบ

ทั้งนี้ ระหว่างการรอระบบ Cell broadcast ที่จะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อให้ระบบสื่อสารเตือนภัยมีประสิทธิภาพสูงสุดในการเตือนภัยแก่สาธารณชนในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งจากภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว น้ำท่วม ดินถล่ม อุบัติเหตุ อุบัติภัยต่างๆ เช่น ไฟไหม้ อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นต้น แม้กระทั่งการรุกรานจากอาชญากรรมไซเบอร์ โดยให้ศึกษาในประเทศต่างๆ ที่มีบทเรียนที่ดีในเรื่องภัยพิบัติ รวมถึงให้ทางกรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งออกมาตรการ ข้อกำหนดในการตรวจสอบอาคารสูงทุกอาคารเพื่อให้ได้มาตรฐาน โดยร่วมมือกับทาง กทม. สมาคมที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญ อีกทั้งควรจะกำหนดเกณฑ์มาตรฐานและออกใบรับรองมาตรฐานอาคาร เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนและนักท่องเที่ยว

2. สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ เร่งปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศที่มีความพร้อมในระบบเตือนภัย เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป นิวซีแลนด์ และอิสราเอล โดยประสานผ่านสถานทูต เพื่อเชิญมาประชุมกับผู้ที่เกี่ยวข้องของประเทศไทย เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับประเทศไทยให้เร็วที่สุด

3. ให้กระทรวงสาธารณสุข วางแผนในการเตรียมการรับมือทั้งแพทย์ฉุกเฉิน เตียงสนามให้เพียงพอ รวมถึงจิตแพทย์ที่จะดูแลฟื้นฟูผู้ที่รับผลกระทบ

นายกฯ ลั่น ต้องหาสาเหตุ-ผู้รับผิดชอบตึกถล่มให้ได้ สั่ง 8 กระทรวงเร่งแก้ทุกมิติ

4. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สั่งการให้เร่งสื่อสารกับนักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทย ให้ได้รับข้อความเตือนภัย และแผนรับมือกับเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน

5. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระดมนักวิชาการทางด้านธรณีวิทยา เพื่อรวบรวมข้อมูลและจัดทำข้อเสนอแนะในมาตรการรับมือที่ถูกต้อง และป้องกันภัยได้อย่างรัดกุมที่สุด รวมถึงการตรวจระบบอุปกรณ์เตือนภัยต่างๆ ที่เคยมีอยู่ ให้สามารถใช้งานได้อย่างปกติ เช่น ระบบเตือนภัยสึนามิ ตลอดจนการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้มากยิ่งขึ้น

6. ให้กระทรวงศึกษาธิการ เร่งเพิ่มเติมหลักสูตรและแผนการรับมือภัยธรรมชาติในทุกรูปแบบให้กับนักเรียน-นักศึกษาทุกระดับ

7. ให้กระทรวงคมนาคม เร่งตรวจสอบเส้นทางคมนาคมทุกมิติให้มีความพร้อมในการให้บริการกับประชาชน รวมถึงตรวจสอบงานก่อสร้างขนาดใหญ่ให้ได้มาตรฐาน สามารถรองรับภัยธรรมชาติต่างๆ ได้

8. ให้สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมมือกับ ปภ. เร่งสรุปมาตรการในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวโดยเร็ว ตามที่กฎหมายกำหนด และให้กรมประชาสัมพันธ์ เป็นศูนย์กลางในการกระจายข่าวสารที่ถูกต้อง อย่างทั่วถึงรวมทั้งกระจายไปยังช่องทางต่างๆ ให้ครบถ้วน ทั้งสถานีวิทยุ โทรทัศน์ และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook หรือ LINE รวมทั้งให้ประสานขอความร่วมมือกับเอกชนที่มีป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ที่สามารถขึ้นภาพได้ทันที เพื่อให้เกิดการประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึง

นายกฯ ลั่น ต้องหาสาเหตุ-ผู้รับผิดชอบตึกถล่มให้ได้ สั่ง 8 กระทรวงเร่งแก้ทุกมิติ

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้คณะกรรมการสืบหาต้นเหตุของตึกก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มในครั้งนี้ ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ให้เร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน หากมีความผิดต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป

“อาคารก่อสร้างถล่มครั้งนี้ ต้องหาสาเหตุและหาผู้รับผิดชอบให้ได้ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะอยู่ยาก ต้องมีผู้รับผิดชอบเพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาวต่อไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้สอบถามในแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้รายงานต่อ ครม. ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้รับเป็นคดีพิเศษเพื่อติดตามตรวจสอบการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่พบว่ามีนอมินีมากถึง 17 บริษัท ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวรับงานส่วนราชการไปทั้งหมด 11 งาน โดย 10 งานอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ส่วนงานที่แล้วเสร็จเป็นอาคารเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งจะเข้าดำเนินการตรวจสอบต่อไปทางด้าน นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รายงานว่า ผลของการตรวจสอบเหล็กพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โดยจะส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวนเพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนต่อไป

นายกฯ ลั่น ต้องหาสาเหตุ-ผู้รับผิดชอบตึกถล่มให้ได้ สั่ง 8 กระทรวงเร่งแก้ทุกมิติ
นายกฯ ลั่น ต้องหาสาเหตุ-ผู้รับผิดชอบตึกถล่มให้ได้ สั่ง 8 กระทรวงเร่งแก้ทุกมิติ