“วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” บุกสรรพากรยื่นหนังสือจี้อธิบดีสอบย้อนหลังตั๋ว P/N “แพทองธาร” จงใจทำนิติกรรมอำพราง-ยักย้ายถ่ายเทหุ้นเลี่ยงภาษีทำรัฐเสียหาย 200 ล้าน เชื่อลูกชาย “ปลอดประสพ” ไม่เอื้อประโยชน์เพื่อไทย จ่อเสนอกรรมาธิการเศรษฐกิจ - สตง. เรียก “ปิ่นสาย” สอบย้อนหลัง

วันที่ 28 มี.ค. 2568 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน เดินทางมาที่กรมสรรพากรเพื่อยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ซึ่งประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมสรรพสามิต ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และคนอื่นๆ โดยมีนางสาวนลพรรณ ธงมรกต เลขานุการกรมสรรพากรเป็นผู้แทนรับมอบหนังสือ เพื่อให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ตรวจสอบการใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน (ตั๋ว P/N) ในการซื้อหุ้น หรือทรัพย์สินอื่นใด ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น

นายวิโรจน์ ระบุว่า ประเด็นที่ต้องการตรวจสอบคือ การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N-Promissory Note) มูลค่ากว่า 4,400 ล้านบาท ของ น.ส.แพทองธาร เพื่อชำระค่าหุ้น 9 บริษัท ให้แก่ มารดา พี่น้อง และลุงบุญธรรม โดยการออกตั๋ว P/N ดังกล่าว เป็นนิติกรรมอำพรางการโอนหุ้นจำนวน 9 บริษัท เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับหรือภาษีการให้ตามประมวลรัษฎากร ทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้ไปกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งในจำนวน 2,900 ล้านบาท ออกเมื่อปี 2559 ให้แก่ น.ส.พินทองทา ชินวัตร นายพานทองแท้ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร อีกทั้งออกตั๋ว P/N อีกครั้งเมื่อปี 2566 นับจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 10 ปี น.ส.แพทองธาร ไม่เดือดเนื้อร้อนใจที่จะชดใช้หนี้ตามตั๋ว P/N ดังกล่าวเพราะไม่มีกำหนดระยะเวลาและไม่มีอัตราดอกเบี้ย จนกระทั่ง สส.ฝ่ายค้านเปิดโปง

...

โดยการมายื่นหนังสือครั้งนี้ นายวิโรจน์ ต้องการให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ตรวจสอบ “เจตนาที่แท้จริงของนางสาวแพทองธาร” โดยเรียกตรวจสอบเอกสารทั้งหมดว่าเข้าข่ายจงใจทำนิติกรรมอำพราง ยักย้ายถ่ายเทหุ้นอื่นๆ อีกหรือไม่ อีกทั้งตรวจสอบย้อนหลัง ไม่เคยชำระภาษีลักษณะดังกล่าวมานานแค่ไหน หรือจงใจใช้เทคนิคช่องว่างทางกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี หรือไม่ พร้อมตรวจสอบการรับหุ้นจากบุคคลในครอบครัว เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี 5% โดยหากโอนให้กับบุตรส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท ต้องคิดภาษี 5% แต่ถ้าโอนให้กับพี่น้องที่ไม่ใช่ผู้สืบสันดานส่วนที่เกิน 10 ล้านบาท ต้องคิดภาษี 5% เบื้องต้นจะยื่นให้อธิบดีกรมสรรพากร ตรวจสอบตามมาตรา 13 สัตต(3) ของประมวลรัษฎากร

ส่วนประเด็นก่อนหน้านี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยชี้แจงว่า ไม่ได้มีเจตนาหลีกเลี่ยง และสามารถทำได้ตามกฎหมาย และเตรียมพร้อมที่จะชำระภาษีในปีหน้า 2569 โดยได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินไปที่ ป.ป.ช. ครบถ้วนแล้ว นั้น นายวิโรจน์ บอกว่า การยื่นบัญชีทรัพย์สินดังกล่าวเป็นเพียงการยื่นบัญชีทรัพย์สินแต่ไม่ได้หมายความว่าการชำระภาษีถูกต้องครบถ้วน

“วิโรจน์” ยื่นสรรพากรสอบตั๋ว P/N นายกฯ ย้อนหลัง เชื่อ “ปิ่นสาย” ไม่ทำงานเอื้อเพื่อไทย

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ระบุว่า การออกตั๋ว P/N โดยไม่ระบุกำหนดวันชำระหนี้ (แบบครบกำหนดเมื่อทวงถาม) และไม่มีดอกเบี้ย สามารถทำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั้น นายวิโรจน์ บอกว่า อธิบดีกรมสรรพากร ไม่ควรปักใจเชื่อแบบนั้น และเป็นการให้ความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่ความเห็นที่ผ่านคณะกรรมการฯ แบบเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งจะต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยปราศจากอคติทางการเมือง

เชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของ นายปิ่นสาย สุรัสวดี หรือไม่ เนื่องจากเป็นลูกชายนายปลอดประสพ สุรัสวดี ใกล้ชิดพรรคเพื่อไทย นายวิโรจน์ บอกว่า ไม่เชื่อว่านายปิ่นสายจะกระทำการเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายการเมือง และยังไม่ปักใจเชื่อ ซึ่งจะต้องให้ความเป็นธรรมกับนายปิ่นสาย ปฏิบัติหน้าที่ แต่หากพบว่าเข้าข่ายเอื้อประโยชน์ เตรียมยื่นตรวจสอบการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

หลังยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร วันนี้แล้ว นายวิโรจน์ บอกว่า ขีดเส้นใต้คณะทำงานให้เร็วที่สุด โดยจะเดินหน้านำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎร และจะเชิญอธิบดีกรมสรรพากรไปชี้แจงหารือในคณะกรรมาธิการ และเชิญผู้แทนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินร่วมด้วย