ไม่ถึงกับ “งาช้างงอกจากปากสุนัข” แต่ก็เป็นเรื่องยากที่ฝ่ายรัฐบาลจะพ่ายโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามธรรมชาติการเมืองแบบไทยๆ ที่ดำรงอยู่บนการเกลี่ยอำนาจและผลประโยชน์เหนือกว่าเหตุผลอื่นใด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงได้คะแนนท่วมท้น 319 ต่อ 162 เสียง งดออกเสียง 7 คน สภาไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

แต่ในสายตาสังคมภายนอกจะไว้วางใจหรือไม่ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่งเพราะหลายประเด็นที่ สส.ฝ่ายค้าน นำโดยพรรคประชาชน เปิดโปงความไม่ชอบมาพากล พฤติการณ์น่ากังขาภายใต้การนำทีมบริหารของผู้นำหญิงที่เน้นการตอบโต้เชือดเฉือนคารมกับฝ่ายค้านเป็นหลัก หลายจุดยังไม่ได้รับการชี้แจงให้เกิดความกระจ่างชัด

หนึ่งในนั้นคือปมลับแหลมคม ที่นายชยพล สะท้อนดี สส.กทม.พรรคประชาชน เปิดข้อมูลเชิงลึกอภิปราย น.ส.แพทองธาร ปล่อยให้กองทัพมีปฏิบัติการจิตวิทยา หรือ “ไอโอ” สร้างความแตกแยกในสังคม แต่ถูกนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯจากพรรคเพื่อไทย สั่งไม่ให้อภิปรายอ้างเป็นประเด็นอ่อนไหว

แต่นั่นก็หลังจากที่นายชยพล เปิดข้อมูล “คณะทำงานความมั่นคงพิเศษ” บัญชีอินฟลูเอนเซอร์ที่แต่ละหน่วยมีการเสริมสร้างขึ้น โดยจากเอกสารหลักฐานฉบับหนึ่ง เป็นหนังสือนำส่งกำลังพลกองทัพเรือ มีหน้าที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ 131 ราย โดยแต่ละคน มีการระบุชื่อบัญชีในทุกแพลตฟอร์ม ทั้งเอ็กซ์ เฟซบุ๊ก ติ๊กต่อก ยูทูบ เป็นต้น

ประกอบการฉายสไลด์โชว์เอกสารลับ เปิดโครงสร้างทีมไซเบอร์มีการลงรายละเอียดลึกไปถึงขั้นระบุชื่อนายทหารยศ “พล.อ.” คนดัง ที่อยู่เบื้องหลังการฟ้องดำเนินคดีนักกิจกรรมทางการเมือง ที่ต่อต้านคณะรัฐประหาร คสช. โยงความผิดต่อสถาบัน โดยมีอำนาจสั่งการตั้งแต่รัฐบาลเผด็จการ คสช. จนถึงรัฐบาลพลเรือนเพื่อไทย

...

สส.พรรคประชาชนแสดงความชัวร์ของข้อมูลแน่นๆ ถึงขนาดที่ระบุเลยว่า ฐานบัญชาการไอโอกองทัพตั้งอยู่ใกล้สะพานเกษะโกมล ย่านราชวัตร ห่างจากรัฐสภารัศมีแค่ 2 กิโลเมตร ยังไงก็ไม่เกิน วิสัยที่รัฐบาลพลเรือน ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร จะรับรู้รับทราบปฏิบัติการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารแบบไอโอทหาร

แต่คำตอบมันอยู่ที่การชิงปิดไมค์ ไม่ให้พรรคประชาชนอภิปรายแฉไอโอกองทัพ เหมือนกับยอมรับสภาพรัฐบาลเพื่อไทยภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ตั้งด่านสกัด “เขตทหารห้ามเข้า” แปรสภาพเป็นฝั่งเดียวกัน รับได้กับกระบวนการไอโอของกองทัพ นโยบายปฏิรูปกองทัพที่หาเสียงไว้ จึงถูกมองว่าเป็นแค่บทบาทการละคร.