“อิ๊งค์” ยิ้มสู้รับศึกซักฟอกวันแรก “ณัฐพงษ์” นำทีมฝ่ายค้านถล่ม ขาดวุฒิภาวะ บริหารบ้านเมืองล้มเหลว ยอมให้คนในครอบครัวชี้นำชักใย เป็นนายกฯหุ่นเชิด หวดดีลแลกประเทศเอื้อผลประโยชน์คนตระกูลชินวัตร-กลุ่มทุน มีคนไม่ถึง 1% ได้อานิสงส์ “บิ๊กป้อม” ฉะทำ ศก.ล้มเหลว ประเทศไม่ใช่เวทีมือสมัครเล่น สส.พปชร.ข้องใจหมกเม็ดยื่นบัญชีทรัพย์สิน “วิโรจน์” แฉกลยักย้ายถ่ายเทซุกหุ้น ปูดใช้ “ตั๋ว PN” เลี่ยงภาษี 218.7 ล. ทำเอาลูกหาบเพื่อไทยประท้วงวุ่น ทสท.ซัดเร่งดัน ก.ม.กาสิโนเอื้อทุนสีเทา ชี้เป้ามีคนจ้องฮุบที่ทำเลทองการท่าเรือ นายกฯปัดธุรกรรมอำพราง ย้ำใช้ “ตั๋ว PN” ถูก ก.ม. สวนเจ็บเสียภาษีมากกว่าคนที่ซักฟอก “เสี่ยหนู” ปัดซูเอี๋ยอัลไพน์-เขากระโดง อินโดฯตั้ง “ทักษิณ” นั่งที่ปรึกษากองทุนแห่งชาติ

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีวันแรก นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ผู้นำฝ่ายค้าน นำทีมชำแหละการบริหารราชการแผ่นดินของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ขาดวุฒิภาวะ ความรู้ ความสามารถ จงใจอยู่เหนือปัญหา เห็นแก่ผลประโยชน์ตนเอง ครอบครัวและพวกพ้องเป็นที่ตั้ง

“อิ๊งค์” ยิ้มสู้เข้าสภารับศึกซักฟอก

เมื่อเวลา 08.15 น.วันที่ 24 มี.ค.ที่อาคารรัฐสภา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มีรัฐมนตรีมารอต้อนรับจำนวนมาก อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ผู้สื่อข่าวถามว่าเก็งข้อสอบอะไรมาบ้าง นายกฯ ตอบว่า เตรียมข้อมูลตัวเลขที่ทำตามนโยบาย ส่วนประเด็นที่พาดพิงตระกูลชินวัตรมีข้อมูลอะไรก็ตอบไปตามนั้น ส่วนที่ฝ่ายค้านระบุว่าหลังอภิปรายเสร็จจะยื่นเรื่องร้องต่อกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องรอดู ไม่ทราบว่าเรื่องอะไร ถ้ามีอะไรให้รายงานเพิ่มก็รายงานตามนั้น เมื่อถามว่ามีกระแสข่าว ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จะขอโควตาพรรคพลังประชารัฐอภิปรายด้วย น.ส.แพทองธารตอบว่า ไม่ทราบ คิดว่า ร.ต.อ.เฉลิมคงไม่ทำแบบนั้น

...

“ทักษิณ” สแตนด์บายตลอดชีวิต

ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อคืนหลับสบายหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า หลับสบาย ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมาก แค่ตื่นเช้าตื่นก่อนนาฬิกาปลุกเล็กน้อย เมื่อถามย้ำว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บอกว่าติวการบ้านให้แล้ว น.ส.แพทองธารตอบว่า คุณพ่อแวะมาเจอที่บ้านก่อนไปร่วมงานแต่ง คุยกันว่าประเด็นนี้คิดอย่างไร ประเด็นนั้นคิดอย่างไร มีหลายประเด็นที่คุยกัน อย่างเรื่องเศรษฐกิจว่าคิดเห็นอย่างไร ก็ถามว่าเข้าใจตรงกันนะ แบบนี้ใช่ไหม เมื่อถามว่านายทักษิณระบุว่ามอนิเตอร์รอช่วยตลอดเวลา น.ส.แพทองธารตอบว่า “เมื่อสักครู่คุณพ่อโทรศัพท์มาให้กำลังใจ บอกว่าถ้ามีอะไรก็โทร.ไปถามได้ เพราะวันนี้คุณพ่อจะสแตนด์บาย เป็นอย่างนี้มาตลอดทั้งชีวิตอยู่แล้ว”

“เฉลิม” ขอแจมฝ่ายค้านถล่มผู้นำ

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตามที่พรรคฝ่ายค้านใช้หัวข้อญัตติ “ดีลแลกประเทศ” คือสิ่งที่ประชาชนต้องสูญเสียไป เป็นต้นทุนการเสียโอกาส รวมถึงผลประโยชน์ทับซ้อนที่เป็นเงินภาษี แลกกับการจัดตั้งรัฐบาล เป็นดีลแลกประเทศเพื่อผลประโยชน์คนในตระกูลชินวัตร และพรรคร่วมรัฐบาล หากบุคคลภายนอกจะฟ้องหมิ่นประมาท ผู้อภิปรายต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เรามั่นใจในข้อมูลว่าไม่น่าถูกฟ้อง และมั่นใจว่าพรรคฝ่ายค้านจะกรีดแผลต่อ การดำเนินการหลังอภิปรายจะสร้างแรงสะเทือนถึงรัฐบาลได้ ทุกหลักฐานที่เปิดเผยจะนำไปสู่การยื่นขอถอดถอนรัฐมนตรีที่ไม่สามารถตอบคำถามได้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะนำไปสู่การถอดถอนนายกฯ ได้จริง เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคฝ่ายค้านให้เวลา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปราย นายณัฐพงษ์ตอบว่า ให้รอดูหน้างาน เราให้โอกาสสมาชิกทุกคนไม่ว่าสังกัดพรรคใด หากมีข้อมูลที่จะตรวจสอบ แต่ฝ่ายค้านยังไม่เคยเจรจาโดยตรงกับ ร.ต.อ.เฉลิม เพียงแต่ได้รับการประสานในทางอ้อม

“ณัฐพงษ์” นำถล่ม “แพทองธาร”

จากนั้นเวลา 08.20 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ผู้นำฝ่ายค้าน แถลงเปิดการอภิปรายว่า น.ส.แพทองธารมีพฤติกรรมไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินได้ต่อไป ขาดวุฒิภาวะ ความรู้ ความสามารถ จงใจอยู่เหนือปัญหา เห็นแก่ผลประโยชน์ตนเอง ครอบครัว และพวกพ้องเป็นตัวตั้ง อยู่เหนือผลประโยชน์ส่วนรวม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เป็นนั่งร้านช่วยเหลือต่างตอบแทนบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย บริหารบ้านเมืองล้มเหลวร้ายแรง ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต ทั้งยังทุจริตเชิงนโยบายเอื้อแก่พวกพ้องและกลุ่มทุน ยินยอมให้บุคคลในครอบครัวชี้นำ ชักใยในเรื่องสำคัญของบ้านเมือง ประพฤติตนเสมือนเป็นนายกฯ หุ่นเชิด โดยมีบุคคลในครอบครัวเป็นนายกฯตัวจริง ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจใดๆ หากปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไปย่อมนำมาซึ่งความเสียหายของประเทศและประชาชน จนยากที่จะเยียวยาได้

หวดดีลแลกประเทศเอื้อพวกพ้อง

นายณัฐพงษ์กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้เริ่มต้น ดำรงอยู่ และเดินหน้าต่อเพื่อให้เกิดดีลแลกประเทศ ยึดผลประโยชน์ของตระกูลและครอบครัวเป็นแกนกลาง มีผลประโยชน์กลุ่มทุนใกล้ชิด เครือข่ายการเมืองเป็นแกนรอง แต่ประเทศและประชาชนต้องรอไปก่อน เป็นพฤติกรรมต่อเนื่องตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน วันนี้รัฐบาลเพื่อไทยไม่ได้เป็นนั่งร้านให้ใคร เพราะได้หลอมรวมกลายเป็นพวกเดียวกันไปหมดแล้ว ทำงานร่วมกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ใช้วิธีจัดการผลประโยชน์ต่อรองผ่านสนามกอล์ฟ นายกฯ ครม. และพรรคร่วม พูดภาษาเดียวกัน ดีลแลกประเทศไม่ได้หมายถึงแค่พานายทักษิณกลับบ้าน แต่รวมถึงเรื่องอื่นๆ

การเริ่มต้นและตั้งอยู่ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ทำให้ประเทศต้องจ่ายต้นทุนราคาแพงทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เรื่องการเมืองทำให้ประชาธิปไตยประเทศถดถอย การแก้รัฐธรรมนูญไม่คืบ ถูกนานาชาติประณามเพราะส่งผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับจีน ด้านเศรษฐกิจ พายุหมุนทางเศรษฐกิจไม่เกิดขึ้นเหมือนคำโฆษณา 6 เดือนที่ผ่านมา มีแต่ลอยตัว หนีปัญหา เมื่อรวมนายทักษิณกับ น.ส.แพทองธาร ประเทศไทยเสีย 2 ต่อ เพราะการลอยตัว ส่วนคนที่ถืออำนาจรัฐขาดคุณสมบัติ

ซัดมีคนไม่ถึง 1% ได้รับอานิสงส์

นายณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า น.ส.แพทองธารอย่าทำตัวเหมือนนายกฯจากรัฐประหาร มองการเมืองเป็นเรื่องน่ารำคาญ ภาระในสภาเสมือนก้อนกรวดในรองเท้า มอง สส.เป็นแค่จำนวนนับให้จัดตั้งรัฐบาล แต่กลับพบภาพอดีตนายกฯออกรอบตีกอล์ฟกับนายทุน ดีลสัมปทานไฟฟ้ามูลค่าหลายแสนล้านบาท การปฏิรูปกองทัพก็หมดหวัง นายกฯตัวจริงนอกระบบได้รับสิทธิอยู่ชั้น 14 เหนือระบบยุติธรรม การแก้รัฐธรรมนูญถูกตอกฝาโลง ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สิ่งที่คุยในรัฐสภาเป็นละครปาหี่ ประเทศสูญเสียประโยชน์ต้องอยู่กับรัฐธรรมนูญของ คสช. การแจกเงินหมื่นไม่สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เห็นชัดมีกลุ่มทุนใกล้ชิดได้รับประโยชน์ ดีลแลกประเทศครั้งนี้มีคนไม่ถึง 1% ได้รับผลประโยชน์ เป็นรัฐบาลที่ตกต่ำยิ่งกว่ารัฐบาล คสช. ต้องแลกและเสียอีกเท่าไรจากที่ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ ต่อไป จึงไม่อาจไว้วางใจให้บริหารประเทศได้อีกต่อไป

“บิ๊กป้อม” ฉะบริหาร ศก.ล้มเหลว

ต่อมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อภิปรายเป็นคนถัดมา แต่ยังไม่ทันที่ พล.อ.ประวิตรจะแนะนำตัวเสร็จก็ถูกนายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประท้วงตีรวนว่า ไม่เคยเจอ พล.อ.ประวิตรมาประชุมสภาฯสักครั้ง เหมาะสมที่จะอภิปรายหรือไม่ แต่นายวันมูหะมัดนอร์วินิจฉัยให้อภิปรายได้ พล.อ.ประวิตรเริ่มอภิปรายว่า น.ส.แพทองธารดำเนินนโยบายเศรษฐกิจผิดพลาดล้มเหลว ปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไข ประชาชนหนี้ท่วม ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ แต่รัฐบาลไม่มีแนวทางแก้ปัญหา พยายามเอาใจช่วยเพราะเคยบริหารธุรกิจมาก่อน คงมีประสบ การณ์มาช่วยประเทศได้ แต่นายกฯไม่สามารถแก้เศรษฐกิจให้ดีขึ้น ซ้ำยังถอยหลัง ตัดสินใจผิดพลาด ตัดงบนับแสนล้านบาทที่ควรอัดฉีดเข้าสู่ระบบ เอาไปแจกเงินหมื่น

แซะประเทศไม่ใช่เวทีมือสมัครเล่น

พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า ร่างข้อตกลงเอ็มโอยู 44 นำประเทศไปสู่ความเสี่ยงเสียดินแดน และทรัพยากรทางทะเล งานด้านความมั่นคงไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจหลายมิติ เห็นใจนายกฯ ที่ต้องตัดสินใจในเรื่องไม่มีประสบการณ์ แต่ความมั่นคงชาติเป็นเรื่องสำคัญ ประเทศไม่ใช่เวทีให้มือสมัครเล่นมาซ้อมมือ ร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรมีช่องให้ทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์พวกพ้อง เป็นโครงการอันตรายที่สุด ให้เกิดธุรกิจสีเทาตามมา นายกฯยังขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ถือหุ้นบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟฯ ปล่อยปละละเลยให้บุคคลในครอบครัวกระทำการให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง เป็นคนพูดไม่เก่งไม่ กระฉับกระเฉงเท่าตอนหนุ่มๆ ที่ใช้ใจบันดาลแรงบริหารประเทศสำเร็จหลายอย่าง นายกฯเป็นคนหนุ่มสาวยังมีแรง ถ้าบริหารประเทศด้วยสติปัญญา อ่อนน้อม หนักแน่นในหลักการ ยึดประโยชน์ประเทศมากกว่าครอบครัว พวกพ้อง เชื่อว่าประชาชนจะชื่นชมยอมรับ ขอให้โชคดี

“อิ๊งค์” เลียนแบบสไตล์ “ลุงป้อม”

ขณะที่ น.ส.แพทองธารลุกขึ้นชี้แจง พล.อ.ประวิตรสั้นๆแค่ 30 วินาที ว่า เมื่อสักครู่ได้ฟังการอภิปราย ท่านพูดประมาณ 10 นาที อยากบอกว่าที่ท่านสมาชิกอาวุโสพูดเมื่อสักครู่ ไม่เป็นความจริง

ข้องใจหมกเม็ดยื่นบัญชีทรัพย์สิน

น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ พรรค พปชร. อภิปรายตั้งข้อสังเกตการยื่นบัญชีทรัพย์สินของนายกฯ ว่า มีข้อสังเกตหลายประการ อาทิ การยื่นรายการหนี้สิน 4,434 ล้านบาท เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินชำระค่าหุ้นแก่บุคคลในครอบครัว 5 คน 9 ฉบับ ตั้งแต่ปี 2559 พบว่าไม่มีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ ไม่คิดดอกเบี้ย มีเจตนาผ่องถ่ายทรัพย์สินโอนหุ้นระหว่างเครือญาติหรือไม่ การกู้ยืมเงินต้องมีเวลาใช้คืน คิดดอกเบี้ย เรื่องนี้หากมองในแง่ธุรกรรมอาจไม่ชี้ชัดขัดกฎหมายข้อใดชัดเจน แต่เรื่องจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ้านายกฯ ชี้แจงได้คงเป็นประโยชน์กับสาธารณะ นอกจากนี้ยังมีการแจ้งมีรายได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน แต่ไม่ปรากฏว่ายื่นเสียภาษี ภงด.94 เข้าข่ายความผิดต่อหน้าที่ปวงชนชาวไทยต้องเสียภาษี แม้ไม่มีความผิดร้ายแรง แต่การเป็นนายกฯ ต้องละเอียดรอบคอบ เพราะอาจทำให้ประเทศเสียหายได้ หลังได้รับโปรดเกล้าฯ ยังปรากฏชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทต่างๆอยู่ เมื่อมีการโอนหุ้นแต่ไม่ปรากฏรายได้การขายหุ้น ไม่รู้ยื่นบัญชีทรัพย์สินครบถ้วนหรือไม่

“วิโรจน์” แฉกลยักย้ายถ่ายเทซุกหุ้น

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายประเด็นการหลีกเลี่ยงภาษีว่า เมื่อก่อนมี “ภาษีการรับให้” ทำให้การโอนหุ้นเป็นการยักย้ายถ่ายเทซุกหุ้น อ้างว่าให้โดยเสน่หาภาษีไม่ต้องเสียสักสลึง แต่พอแก้ประมวลรัษฎากร มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ก.พ.2559 ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 42 (27) เงินที่ได้จากการรับโดยเสน่หาจากบุพการี จะได้รับการยกเว้นภาษีไม่เกิน 20 ล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น หมายความว่าลูกให้แม่ แม่ให้ลูก ถ้าเกิน 20 ล้านบาท ต้องเสียภาษีอัตรา 5% ส่วนมาตรา 42 (28) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา หรือให้โดยเสน่หา หรือขนบธรรมเนียมประเพณี บุคคลไม่ใช่บุพการี หรือผู้สืบสันดาน ไม่เกิน 10 ล้านบาท ถ้าเกิน 10 ล้านบาท ส่วนที่เกินต้องเสียภาษีรับให้ 5% แต่แทนที่ น.ส.แพทองธารจะทำเหมือนมนุษย์มนาทำกัน กลับใช้ช่องทางกฎหมายหลีกเลี่ยงภาษีรับให้ เรื่องนี้ประชาชนต่าง สงสัย สามารถแกะรอยได้จากการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน หนี้สินต่อ ป.ป.ช. หลังเข้ารับตำแหน่ง มีประเด็นที่ต้องตั้งคำถามคือ น.ส.แพทองธาร มีพฤติการณ์ใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ทำนิติกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีการรับให้ตั้งแต่ปี 2559 หรือไม่

ปูดใช้ “ตั๋ว PN” เลี่ยงภาษี 218.7 ล้าน

นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า กรณีการโอนหุ้นของ น.ส.แพทองธาร ให้แก่มารดาและพี่สาว โดยแจ้งบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ว่า มีหนี้เป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือที่เรียกว่า “ตั๋ว PN” มูลค่ากว่า 4.4 พันล้านบาท ส่อเข้าข่ายหลีกเลี่ยงภาษีเป็นเงินสูงถึง 218.7 ล้านบาท เมื่อ น.ส.แพทองธารได้หุ้นมูลค่า 2,388.7 ล้านบาทมาจากพี่สาว เป็นการซื้อเชื่อโดยไม่ได้จ่ายเงินให้พี่สาวแม้แต่บาทเดียว ออกตั๋ว PN เป็นกระดาษ 4 ใบ ไม่กำหนดว่าจะจ่ายหนี้เมื่อไหร่ ดอกเบี้ยก็ไม่คิด นี่คือการซื้อหุ้น หรือการได้หุ้นมาจากการให้ของพี่สาวกันแน่ กรณีพี่ชายก็เช่นกัน รวมกับกรณีลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ก็ทรงเดิม สรุปแล้วเป็นการซื้อหุ้น หรือให้หุ้นของ พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่กันแน่ มีรายงานว่าตั๋ว PN ทั้ง 9 ใบนี้ เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีเงื่อนไขสุดว้าวมาก คือจะชำระเงินค่าซื้อหุ้นเมื่อทวงถาม หมายความว่าหนี้สินทั้ง 9 รายการจากการซื้อหุ้นจากพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ เป็นหนี้สินที่ไม่มีกำหนดว่าต้องจ่ายค่าซื้อหุ้นเมื่อไหร่ ถ้าชาตินี้ไม่มีใครทวงก็ไม่ต้องจ่าย ลืมไปได้เลยว่าเคยเป็นหนี้ ดอกเบี้ยก็ไม่มีใครคิด

ลูกหาบเพื่อไทยดาหน้าประท้วงวุ่น

ตลอดช่วงที่นายวิโรจน์อภิปราย มี สส.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงขัดจังหวะเป็นระยะ ทำให้บรรยากาศค่อนข้างวุ่นวาย เกิดการปะทะคารมระหว่างนายวิโรจน์และ สส.เพื่อไทย อาทิ นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส.ศรีสะเกษ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ ระบุว่า “เป็นห่วง เหมือนคนสติแตก” ทำให้นายวิโรจน์พยายามประท้วงตอบโต้ แต่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ ที่สลับขึ้นมาทำหน้าที่ประธานการประชุม ไม่อนุญาตพร้อมกับปิดไมโครโฟน แต่กลับให้สิทธิ์นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่า “คนแบบนี้เหมาะเป็นหัวหน้าม็อบเท่านั้น ต้องวินิจฉัยเอาจริงเอาจัง จะได้ใจ ไอ้เหลือก” นายวิโรจน์จึงใช้สิทธิ์ที่ถูกพาดพิงว่า “หากต้องอยู่ในสภาในฐานะลิ่วล้อ เป็นบริวาร ไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จะอยู่ทำไม ผมถามแค่นี้ ไม่มีศักดิ์ศรีของความเป็น สส. จะอยู่ทำไม” อย่างไรก็ตามการประชุมยังคงดำเนินต่อไป

ทสท.ซัดดัน ก.ม.กาสิโนเอื้อพรรคพวก

นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) อภิปรายเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า รัฐบาลพยายามผลักดันเร่งรีบออก พ.ร.บ.บริหารจัดการสถานบันเทิงครบวงจร ส่อเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนมากกว่าประชาชน แฝงการเปิดบ่อนกาสิโนและพนันออนไลน์ หลอกลวงพี่น้องประชาชน ถ้าการพนัน กาสิโนดีจริง ทำไมพรรคเพื่อไทยไม่พูดตั้งแต่ตอนหาเสียงเลือกตั้ง แต่พอได้อำนาจกลับเดินหน้าเร่งทำ เปิดโอกาสให้ออกใบอนุญาตทำกาสิโน ที่อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจ และกลุ่มทุนใหญ่ เพราะการออกใบอนุญาตกาสิโน 1 ฉบับ มีผลประโยชน์มหาศาล ถามว่าเงินใต้โต๊ะที่อนุมัติใบอนุญาตแต่ละฉบับ มีมูลค่าเท่าไหร่ สามารถใช้เป็นทุนการเมืองต่อได้ อาจนำไปสู่ปัญหาสังคมร้ายแรง และปัญหาอาชญากรรมอื่นตามมา

ชี้เป้ากลุ่มทุนจ้องฮุบทำเลทองท่าเรือ

นายชัชวาลกล่าวว่า รายงานจากต่างประเทศชี้ว่าอุตสาหกรรมกาสิโนมีความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติชัดเจน รัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่าจะมีมาตรการป้องกันไม่ให้กลายเป็นแหล่งฟอกเงินของกลุ่มทุนสีเทาอย่างไร ใครคือคนที่ได้ประโยชน์ ที่สำคัญใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังผลักดันนโยบายนี้ ที่น่ากังวลกว่านั้นคือ ร่าง พ.ร.บ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย ฉบับใหม่ ที่รัฐบาลเสนอเข้าสู่สภา อาจมีการแปรรูปทรัพย์สินของรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชน โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงครบวงจร พ.ร.บ.ฉบับนี้เอื้อให้อำนาจการท่าเรือฯบริหารที่ดิน และทรัพย์สินรัฐอย่างเสรีอาจมีการนำพื้นที่รัฐไปใช้สำหรับธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ หรือกาสิโนในอนาคต ที่ดินของการท่าเรือฯส่วนใหญ่อยู่ในทำเลทอง เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ อาจกลายเป็นช่องทางให้กลุ่มทุนเข้ามาครอบครอง ถ้ากฎหมายนี้ผ่านเราอาจเห็นที่ดินริมแม่น้ำ ที่ดินท่าเรือ ถูกนำไปสร้างเป็นโรงแรมหรู สถานบันเทิง หรือแม้แต่กาสิโนหรู ส่วนประชาชนได้แต่มองตาปริบๆ สิ่งที่ควรทำนายกฯไม่ทำ สิ่งที่ไม่ควรทำกลับเร่งทำ พฤติกรรม น.ส.แพทองธารจึงส่อว่าดำเนินนโยบายที่ส่อทุจริตเชิงนโยบาย จึงไม่สามารถไว้วางใจได้

จวกดีลลับแลกล้มคดีเหมืองทอง

นายอิทธิพล ชลธารศิริ สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน อภิปรายปมปัญหาเหมืองทองอัคราว่า สมัยพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านเคยอภิปรายกรณีเหมืองทองอัคราว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ สร้างความเสียหายมากมาย แต่พอเป็นรัฐบาลกลับลืมทุกเรื่อง ยอมทิ้งสัจจะแลกกับการจัดตั้งรัฐบาล เป็นนั่งร้านให้อดีตนายกฯไม่ถูกดำเนินคดี ช่วง น.ส.จิราพร สินธุไพร เป็น สส.ฝ่ายค้าน เคยบอกถ้าได้เป็นรัฐบาลจะเอา พล.อ.ประยุทธ์ออกจากบ้านหลวงไปอยู่เรือนจำ ผ่านมา 2 ปี ไม่ดำเนินคดีใดๆ ทุกคนที่ด่าเหมืองทองอัคราได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรี ซ้ำยังนำคนพรรครวมไทยสร้างชาติมาเป็น รมว.อุตสาหกรรม ระวังหลังให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทุกคนน้ำท่วมปาก ไม่มีแม้แต่เสียงกระแอมไอ เป็นดีลจัดตั้งรัฐบาลไม่ให้เอาผิดใคร น.ส.แพทองธารรักษาดีลพรรคร่วมรัฐบาล แต่ไม่รักษาคำพูดกับประชาชน ยอมให้ดองและล้มคดี ไม่อาจไว้วางใจนายกฯ ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ชาติได้

จุดพลุหมอคางดำเกิดยุค “ชินวัตร”

บรรยากาศการประชุมเริ่มวุ่นวายอีกครั้งเมื่อ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายชำแหละปัญหาปลาหมอคางดำว่า มีตัวเลขประเมินมูลค่าความเสียหายกว่า 26,432 ล้านบาทต่อปี ล่าสุดจะอนุมัติงบฯอีก 98 ล้านบาท เปรียบเสมือนซื้อยาพารามารักษามะเร็ง ซึ่งนายณัฐชาพยายามฉายภาพไทม์ไลน์ปลาหมอคางดำ อ้างเอกสารการปรากฏตัวครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปี 2549 ปลายสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ขออนุญาตกรมประมงนำเข้าปลาหมอคางดำหลายครั้ง มาปี 2554 เจอสายพันธุ์ปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติครั้งแรก ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำให้ สส.พรรคเพื่อไทยหลายคนรุมประท้วง อาทิ นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม ขอให้ถอนชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่นายณัฐชายังคงอภิปราย พร้อมฉายภาพกลางห้องประชุมชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของนายกฯ และคนในครอบครัว ที่มีความสนิทชิดเชื้อกับกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ เป็นบริษัทต้องสงสัยที่เกี่ยวกับการนำเข้าปลาหมอคางดำ ก่อนจะทิ้งท้ายว่า สส.โปรดช่วยกันลงมติไม่ไว้วางใจ น.ส. แพทองธาร เพื่อต่อกรกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ที่เข้าสิงรัฐบาลอยู่ และกล้าต่อสู้กับผู้ควบคุมดูแลรัฐบาลนี้ที่คอยชักใย โยงใย หรือชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการ คือ สทร. แต่ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการคือ ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญตัวจริง ที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ที่กำกับฉากละคร ในแต่ละช่วง แต่ละทำนอง

“อิ๊งค์” ปัดธุรกรรมอำพราง “ตั๋ว PN”

ต่อมาเวลา 15.15 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ชี้แจงกรณีการซื้อหุ้นจากครอบครัวโดยใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน (ตั๋ว PN) ว่า เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องภาษีที่เป็นคนละหมวดกัน ยืนยันสิ่งที่ทำถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้หนีภาษี มั่นใจว่าเสียภาษีให้รัฐมากกว่าผู้อภิปรายแน่นอน เรื่องทรัพย์สินได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.ครบถ้วน พร้อมให้ความร่วมมือจนกว่าจะได้ข้อสรุปจาก ป.ป.ช. ธุรกรรมของครอบครัวถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นตั้งแต่การรัฐประหารปี 2549 ทุกธุรกรรมอยู่ในสายตาเปิดเผยโปร่งใส การทำธุรกรรม ปี 2559 เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างถือหุ้นบริษัทครอบครัว โดยใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นหนังสือที่ให้คำมั่นสัญญา จะใช้เงินแก่บุคคลหนึ่งตามระยะเวลาที่กำหนด การซื้อแบบนี้บางรายการไม่เสียภาษีเพราะยังไม่ใช้เงิน จึงยังไม่ทราบจำนวนที่ต้องเสียภาษี เป็นภาระหนี้ระหว่างตนกับครอบครัว ไม่มีนิติกรรมอำพราง ยอดหนี้ได้ยื่นต่อ ป.ป.ช.ไปแล้ว การใช้ตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นการใช้จินตนาการเยอะ เวลานั้นไม่มีความพร้อมชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด จึงทำตั๋วสัญญาใช้หนี้แทน ได้พูดกับครอบครัวมีแผนจะชำระรอบแรกในปีหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างจะปรากฏในบัญชี ป.ป.ช.ตรวจสอบได้หลบภาษีไม่ได้

คนมีวุฒิภาวะไม่พูดให้เกลียดกัน

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ส่วนเรื่องที่ดินอัลไพน์เกิดนานมากแล้ว ตอนนั้นอายุ 11 ขวบ ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท ขอย้ำที่ดินทุกแปลงของครอบครัวไม่เคยซื้อที่ไม่มีโฉนดจากหน่วยงานรัฐ เมื่อมีคดีความขั้นตอนก็เป็นตามกระบวนการ มาเป็นนายกฯ ไม่มีการแทรกแซงใดๆ ส่วนเรื่องที่ดินเขากระโดงเป็นกรณีพิพาทระหว่างกรมที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย และประชาชน ในฐานะนายกฯ จะกำชับให้เป็นธรรมกับประชาชนทุกขั้นตอน เป็นไปตามกฎหมาย ขอให้มั่นใจไม่เช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวาย อย่าพูดให้เกิดความสับสน เป็นคนรุ่นใหม่ใครทำผลงานที่เป็นประโยชน์ควรชื่นชมบ้าง จะได้มีกำลังใจทำงาน อย่างน้อยเป็นคนไทยเหมือนกัน การพูดให้คนเกลียดชัง หรือความแตกแยก เรามีวุฒิภาวะ ไม่ควรทำ

“วิโรจน์” ซ้ำคนเลี่ยงภาษีน่ารังเกียจ

จากนั้นนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ใช้สิทธิพาดพิงว่า มั่นใจคนไทย 60 ล้านคนเสียภาษีน้อยกว่านายกฯ แต่กฎหมายกำหนดว่า บุคคลมีหน้าที่เสียภาษีตามที่กฎหมายบัญญัติ จะเสียมากหรือน้อยมีศักดิ์ศรีเท่ากัน เสียภาษีมากน้อยไม่สำคัญตราบใดที่เสียตามที่กฎหมายบัญญัติถือว่าถูกต้อง กลับกันถ้าเสียมากแต่หาวิธีหลบเลี่ยง นี่ต่างหากที่เป็นเรื่องน่ารังเกียจ

“หนู” ปัดไร้ดีลอัลไพน์-เขากระโดง

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ชี้แจงกรณีพาดพิงเรื่องที่ดินเขากระโดงและสนามกอล์ฟอัลไพน์เอื้อประโยชน์กันว่า ยืนยันรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยไม่ใช่กิจการ หรือครอบครัวใคร นายกฯไม่เคยแทรกแซงสั่งการกรมที่ดิน หรือตนเอื้อประโยชน์แก่บริษัท อัลไพน์ หรือบุคคลในครอบครัว ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ยืดเยื้อมา 20 ปี หลายคนต้องโทษคำพิพากษาไปแล้ว แต่การเพิกถอนเอกสารสิทธิมายุติในรัฐบาลนี้แทนที่จะกล่าวหา น.ส.แพทองธารทำเพื่อประโยชน์คนในครอบครัว ควรชื่นชมนายกฯให้นโยบายกระทรวงมหาดไทยยึดกฎหมาย การเพิกถอนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ถือว่านายกฯและครอบครัวเป็นผู้เสียหายเช่นเดียวกับลูกบ้านอัลไพน์อื่น ต้องไปใช้สิทธิทางกฎหมายขอค่าทดแทนจากการทำนิติกรรมที่บกพร่องของกรมที่ดินในอดีต ส่วนที่ดินเขากระโดง กรมที่ดินปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครอง สรุปคือการเพิกถอนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์กับที่ดินเขากระโดง ไม่มีการตกลงแลกประโยชน์ใดๆ ทั้ง 2 กรณีเกิดก่อน น.ส.แพทองธาร และตนมารับตำแหน่ง ข้อกล่าวหาไม่มีข้อเท็จจริง ในฐานะหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ขอจบด้วยคำว่า “สู้ๆแพทองธาร”

เปิดปมทุจริตเชิงนโยบายซื้อไฟแพง

นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายเรื่องการทุจริตเชิงนโยบายสานต่อขบวนการค่าไฟฟ้าแพงว่า มีการปล้นเงินประชาชนคนไทยทั้งประเทศแลกดีลจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว และเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนพลังงาน มูลค่า 1 แสนล้านบาท เป็นโครงการที่เริ่มสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้รัฐบาลนี้จะมีมติให้ชะลอโครงการออกไป แต่ผ่านมา 3 เดือน ยังไม่มีคำชี้แจงจากนายกฯว่าจะเอาอย่างไร หรือเป็นเทคนิครอให้ข่าวเงียบแล้วค่อยลงนามกับเอกชนต่อ เมื่อ 2 เดือนก่อนบิดาของนายกฯเคยยืนยันว่า ต้นทุนไฟฟ้าโซลาร์ เซลล์อยู่ที่ 1.8 บาทต่อหน่วย แต่นายกฯคนลูกยินดีซื้อจากบริษัทเอกชน 2.2 บาทต่อหน่วย โครงการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์ มีการล็อกโควตาให้เฉพาะบริษัทเอกชนที่ยื่นโครงการระยะแรก 2,100 เมกะวัตต์ ให้ได้รับสิทธิพิจารณาก่อนเจ้าอื่น เหมือนกีดกันผู้ประกอบการรายใหม่ ปลอบใจรายเก่า เปิดช่องให้มีการใช้ดุลพินิจแบบจิ้มเลือกได้เลยว่าต้องการให้เอกชนรายใดได้รับคัดเลือก ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโครงการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียน เฟส 2 และเร่งรัดการเปิดเสรีพลังงานสะอาด (Direct PPA)

ม็อบชาวนาตามนัดชุมนุมหน้าสภา

วันเดียวกัน ที่บริเวณหน้ารัฐสภา กลุ่มชาวนาภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง นำโดยนายฐิติวัฒน์ กลีบมาลัย แกนนำกลุ่มเกษตรกรจังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา นำรถไถ 2 คัน มาจอดริมถนนพร้อมปราศรัยเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และคณะรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วยแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ขอให้รัฐบาลดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ทำนา กำหนดราคาประกันข้าวที่ 11,000 บาท/ตัน และกำหนดปริมาณรับประกันราคาไม่เกิน 50 ตัน/ราย ให้ยกเลิกมาตรการห้ามเผาตอซังข้าวในพื้นที่ทำการเกษตร หรือให้ตั้งงบประมาณเพื่อรับซื้อตอซังข้าว ช่วยลดภาระชาวนา การชุมนุมเป็นไปโดยสงบ

“พิชัย” หวังคิกออฟซื้อหนี้ ปชช.เร็วสุด

ขณะที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการมาตรการซื้อหนี้ประชาชนจากธนาคารว่า พยายามเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด รอช้าไม่ได้ เมื่อถามว่า โครงการนั้นจะชัดเจนก่อนเข้าสู่ไตรมาส 3 ช่วงเดือน มิ.ย.หรือไม่ นายพิชัยตอบว่า อยากดำเนินการให้เร็วกว่านั้น เมื่อถามว่า มาตรการดังกล่าวจะออกมาในรูปแบบซื้อหนี้เสีย หรือ NPL เหมือนปี 2540 ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า น่าจะประมาณนั้น

ตั้ง “ทักษิณ” ที่ปรึกษากองทุนอินโดฯ

อีกเรื่อง สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ “ดานันตารา” กองทุนใหม่สำหรับดึงดูดรัฐวิสาหกิจเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซีย ที่มีนายโจโก วิโดโด และสุสิโล บัมบัง ยุโดโยโน อดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เป็นคณะกรรมการบริหารกองทุน ได้ประกาศรายชื่อคณะที่ปรึกษาชุดแรก หนึ่งในนั้นมีชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ทางกองทุนและตัวแทนของนายทักษิณปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเพิ่มเติมในเรื่องนี้ ขณะที่ก่อนหน้ามีรายงานว่า ที่ปรึกษากองทุนอาจรวมถึงนายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่