เกมชิงไหวชิงพริบเพื่อความได้เปรียบเสียเปรียบ ทำให้ข้อตกลงในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องออกมาอย่างที่เห็นๆ

ถึงขั้นว่าจะต้องอภิปรายกันถึงตี 4 ตี 5 ถึงขนาดนั้น

ฝ่ายรัฐบาลก็ไม่ต้องการให้ฝ่ายค้านได้เวลามาก หากต้องการมากก็ต้องรอให้ดึกดื่นเพราะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก

หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีใครฟัง มีแต่คนอภิปรายกับพวกที่สนับสนุนเท่านั้น

ประชาชนก็ไม่ได้ฟังด้วยทำให้เสียโอกาสที่จะได้เห็นฝ่ายค้านและรัฐบาลได้ทำหน้าที่ตรวจสอบ โดยเฉพาะถ้ามีข้อมูล “เด็ด” ที่ทำให้รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ

รัฐบาลก็ได้ประโยชน์ไป!

นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ยังบอกเลยว่า จะไม่อยู่ฟัง ต้องกลับไปนอนดูแลลูกๆในฐานะ “แม่” อันเป็นชีวิตของผู้หญิง

ก็เพราะการตกลงที่ไม่ได้ยืนบนพื้นฐานที่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งสุดท้ายแล้วก็คงไม่น่าจะถึงขนาดนั้น

เพียงแต่ฝ่ายค้านต้องยอมเสียเปรียบเชิงกลก็เท่านั้นเอง...

การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ว่ารัฐบาลชุดไหน หรือฝ่ายค้านจะเก่งกาจแค่ไหนก็เล่นงานรัฐบาลยาก ยิ่งมีเสียงสนับสนุนอย่างนี้

ที่สำคัญทุกพรรคยังต้องการทำงานร่วมกันต่อไป จึงต้องร่วมมือร่วมใจกันอย่างเต็มที่เพื่อทำหน้าที่ต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

จึงไม่แปลกที่ “เพื่อไทย” ในฐานะแกนนำ ที่มั่นใจมากถึงขั้นกำหนดโปรแกรมล่วงหน้ารอเอาไว้เลยว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้

ไม่เชื่อว่าฝ่ายค้านจะมีทีเด็ดโค่นได้

ยิ่งไปกว่านั้นยังมั่นใจว่าไม่น่าจะมีข้อมูลอะไรที่ทำให้ระคายผิวนายกรัฐมนตรีได้ รวมถึงครอบครัวและ “พ่อ” ที่ร่วมบริหารประเทศด้วย

ที่ผ่านมา การจะเล่นงานรัฐบาลให้อยู่หมัดนั้น ประเด็นสำคัญคือ “ทุจริตโกงกิน” หากสามารถขุดคุ้ยมาได้

...

แม้จะผ่านซักฟอกไปได้

แต่หลังจากนั้นก็ไม่รอดสักราย

เผอิญที่ว่ารัฐบาลชุดนี้ยังไม่มีข่าวเรื่องทุจริตคอร์รัปชันให้ปรากฏ ยิ่งเป็นเรื่องยากที่จะจัดการรัฐบาลให้พ้นจากหน้าที่ได้

เว้นแต่จะมีก็ยังพอมีโอกาส!

เพราะรัฐบาลชุดนี้มาด้วยวิธีการพิเศษ ถ้าจะไปก็ด้วยวิธีพิเศษอย่างดีลแลกประเทศทำนองนั้น ดังนั้นประเด็นมันจึงอยู่ที่เรื่องการบริหารราชการแผ่นดินมากกว่า

ทว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ที่เล่นงานเฉพาะนายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว และเป็นมือใหม่หัดขับที่กลัวการอภิปรายในสภา

รายการใหญ่อย่างนี้น่าจะมีโอกาสได้เห็นอาการ “หลุด” ได้ หากถูกฝ่ายค้านรุมซักถาม หรือตีแผ่เรื่องราวที่ทำให้เกิดอารมณ์จนธาตุไฟแตก แสดงอาการที่ไม่พึงประสงค์ออกมา

เนื่องจากเจอแรงกดดันหนัก!

กอปรกับประสบการณ์น้อย การรอบรู้เรื่องราวต่างๆไม่กว้างขวาง พอ ทำให้ไม่สามารถตอบชี้แจงได้ ยิ่งถูกยั่วยุมากก็ยิ่งเคืองขุ่นมาก

อาจจะได้เห็นอะไรเกิดขึ้นในสภาก็ได้

ยิ่ง “พี่เลี้ยง” ที่คอยดูแลไม่ห่างตาไม่สามารถทำหน้าที่ได้ก็ยิ่งจะเกิดแรงกดดันหนักเป็นเท่าทวี เพราะในสภานั้นมันเปิดเผยซ่อนเร้นอำพรางยาก

ก็ระวังให้ดีแล้วกัน

ปิดจุดอ่อนอย่างอื่นได้หมด แต่อาจตายน้ำตื้นแบบนี้ก็ได้!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม