นโยบายแก้ปัญหาหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบของรัฐบาล เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องหาทางออกก่อนที่จะเกิดหนี้เสียเพิ่มขึ้นบานตะไท กระทรวงการคลัง ต้นเรื่องโดย รมว.คลัง พิชัย ชุณหวชิร รับว่าอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของกระทรวงการคลังที่จะซื้อหนี้สินจาก ธนาคารเอามาบริหาร ซึ่งกระทบกับสภาพคล่องของเศรษฐกิจ แรงจูงใจในการลงทุน กำลังซื้อ และสถานะของธนาคารพาณิชย์ที่ติดเงื่อนไขภาระหนี้ในการดำเนินธุรกรรมต่างๆโดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อที่เป็นรายได้หลักของธนาคาร

ตัวเลขข้อมูลจาก สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หนี้คงค้าง ณ เดือนมกราคม 2568 หนี้รัฐบาล อยู่ที่ 10,625,218.90 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ 1,053,766.50 ล้านบาท และ หนี้รัฐวิสาหกิจที่ทำธุรกิจในภาคการเงิน 163,046.57 ล้านบาท หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟู หนี้หน่วยงานของรัฐ อีกหลายแสนล้าน ในจำนวนนี้เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 9,955,173.90 ล้านบาท เป็นหนี้ต่างประเทศ 8 หมื่นกว่าล้านบาท กู้มาใช้ในโครงการรัฐ 4 หมื่นกว่าล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้ในประเทศ ซึ่งกู้มาชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้ ยกตัวอย่าง กู้มาฟื้นฟูความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 3 แสนกว่าล้าน เงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก.โควิด

ปี 2563 เป็นจำนวน 8 แสนกว่าล้าน กู้เพิ่มเติมปี 2564 อีก 3.6 แสนล้าน ชดเชยความเสียหายให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟู 5.5 แสนล้าน หนี้กู้ล่วงหน้าปรับโครงสร้างหนี้ 1.19 แสนล้าน เมื่อเปิดภาพรวม หนี้ครัวเรือนไทย ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ที่ผ่านมา มีหนี้รวมทั้งหมด 16.3 ล้านล้าน เป็น NPL 1.2 ล้านล้าน หรือร้อยละ 8.78% ต่อสินเชื่อทั้งหมด เฉพาะหนี้บัตรเครดิตอย่างเดียว 1.5 แสนล้านบาท

โครงการ ซื้อหนี้เสีย ออกจากระบบธนาคารแล้วยกให้เอกชนบริหาร โดยที่รัฐบาลไม่ต้องเสียงบประมาณแม้แต่บาทเดียว จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก เนื่องจาก NPL มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น หนี้ซื้อบ้านมูลค่า 5.6 ล้านล้านบาท หนี้ซื้อรถอีก 1.7 ล้านล้านบาท หนี้อุปโภคบริโภคส่วนบุคคล 3.3 ล้านล้านบาท เป็นต้น ยิ่งเศรษฐกิจซบเซา กำลังซื้อตกต่ำต่อเนื่อง มีแนวโน้มที่จะเกิดหนี้เสียเพิ่มขึ้นทุกวัน

...

ไม่เฉพาะบ้านเรา เศรษฐกิจโลกวัดระดับจากกรณีที่บริษัททั่วโลกรัดเข็มขัด โดยการเลิกจ้างพนักงานหลายหมื่นอัตราในสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น บริษัทรถยนต์แบรนด์ดังของเยอรมนี Audi เลิกจ้างครั้งใหญ่ถึง 7,500 ตำแหน่ง คาดจะช่วยประหยัดเงินได้ ราว 1 พันล้านยูโร ก่อนหน้านี้ Porsche ประกาศเลย์ออฟพนักงานไป 3,900 ตำแหน่ง หรือเกือบ 10% ของพนักงานทั้งหมด Volkswagen ประกาศเลิกจ้างพนักงาน 3.5 หมื่นตำแหน่ง ภายใน 5 ปี Siemens มีนโยบายประกาศเลิกจ้างเกือบ 6 พันตำแหน่ง Amazon ของมหาเศรษฐีเจฟฟ์ เบโซส มีแผนการเลิกจ้างพนักงานกว่า 14,000 ตำแหน่ง ธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ และโกลด์แมน แซคส์ มีแผนจะลดจำนวนพนักงานภายในปีนี้ 3-5%

รัฐบาลเวียดนามก็มีแผนจะลดเจ้าหน้าที่รัฐลงเกือบ 50% ว้าเหว่. 

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม