นายกฯ แพทองธาร ติดตามการรับมือฝุ่น PM 2.5 พบสถานการณ์ดีขึ้น ภาพรวมลดลง 16% แต่ยังต้องเข้มงวด 60 วันชี้ ภาคเหนือยังหนัก ได้รับผลกระทบจากปท.เพื่อนบ้าน ย้ำส่ง “อุยกูร์” กลับจีน ไม่ต้องห่วง พร้อมตอบทุกประเทศที่เห็นต่าง เชื่ออยู่ที่เวลา

วันที่ 19 มี.ค. 2568 ที่ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) ชั้น 7 อาคารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการติดตามการดำเนินงานรับมือและบริหารจัดการสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 โดยมี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และข้าราชการเข้าร่วมด้วย

โดยนายกฯ รับฟังรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในเดือนมี.ค.-เดือนเม.ย.ต้องเฝ้าระวัง 17 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจีสด้า ถือว่าสถานการณ์จุดความร้อนของไทยดีขึ้น แต่สถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังคือจุดที่เมียนมา ซึ่งอยู่ประชิดชายแดนไทย จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ และจ.แม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนเม.ย.นี้

โดยนายกฯ กล่าวว่า ทั้ง 2 เดือนนี้ คือเดือนมี.ค.และเดือนเม.ย.ต้องเข้มงวดหน่อย ต้องขอบคุณที่ช่วยกันเต็มที่ ทุกอย่างกฎหมายมีหมดแต่ต้องเน้นย้ำในเรื่องการใช้ และความร่วมมือบูรณาการ ซึ่งหลายๆ นโยบายสำเร็จได้ด้วยทุกคน ขอฝากดูเรื่องสุขภาพของประชาชน และการแจ้งเตือนต่างๆ ให้ประชาชนทราบก่อนเพื่อป้องกัน

จากนั้นนายกฯ แถลงว่า ฝุ่นควัน PM 2.5 ตอนนี้จะหนักหน่อยทางภาคเหนือ ซึ่งมีฝุ่นควันที่พัดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนในประเทศมีการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอื่นๆ ช่วยกันทุกฝ่าย ทำให้ปีนี้ค่าฝุ่นควันเราลดลงอย่างมาก ซึ่งรวมกันทั้งประเทศลดลง 16% และบางที่ก็ลดลงไป 20% บางจุด จุดความร้อนลดลงไปหลายเปอร์เซ็นต์มากถือว่ากำลังดีขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ แล้วต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ด้วยในเรื่องของการเผา และในเรื่องของป่าไม้ที่จะเกิดไฟไหม้ ทั้งนี้ควรนำกฎหมายที่มีอยู่แล้วมาบังคับใช้ให้จริงจังยิ่งขึ้น และอาศัยการบูรณาการช่วยเหลือจากทุกฝ่าย ก็สามารถทำให้ฝุ่นควันในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในช่วง 60 วันต่อจากนี้ ซึ่งปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ ระบุว่าเป็น 60 วันอันตรายฝุ่นควันจะเยอะหน่อย เพราะฝนที่มีอยู่จะไม่ตก แต่จะตกอีกในช่วงเดือนพ.ค. ซึ่งฝนถือเป็นตัวช่วยหนึ่งในเรื่องฝุ่นควัน

...

นายกฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เรามีการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่และมีการให้ความรู้ รวมถึงข้อระมัดระวังต่างๆ แน่นอนว่ากระทรวงสาธารณสุขต้องช่วยดูด้วย ในเรื่องของบุคคลที่จะเจอความเสี่ยงเรื่องสุขภาพตามแนวชายแดนว่าจะมีอุปกรณ์เช่นใส่แมสในการสนับสนุนช่วยเหลือได้ และที่ผ่านมาได้มีการอนุมัติงบกลาง ซึ่งได้รับรายงานจากกระทรวงทรัพย์ฯ งบกลาง 620 ล้านบาท แก้ไขปัญหาการเกิดจุดความร้อนและไฟไหม้ต่างๆ ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ และเป็นเรื่องที่เราทราบอยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์ประมาณนี้ เราก็จะวางเรื่องของงบประมาณให้ดีขึ้นอีกในปีต่อๆ ไป

“วันนี้ที่มาอัพเดทเรื่องนี้ เพราะเรื่องฝุ่นควันเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชน เพราะฉะนั้นรัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉยกับเรื่องนี้ จะพยายามทำให้ดีขึ้นในทุกๆ เดือน โดยกระทรวงทรัพย์ฯ เป็นหน่วยงานหลักที่จะดูแลเรื่องนี้ต่อไป ต้องขอขอบคุณทางกระทรวงทรัพย์ฯ และทุกท่านที่มีการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งประเทศของเราการจัดการดีขึ้นแล้ว และกับประเทศเพื่อนบ้านก็ได้มีการพูดคุยประสานงานระหว่างกันหลายประเทศเพื่อขอความร่วมมือในเรื่องนี้ ก็ขอให้ประชาชนสบายใจว่าเรื่องฝุ่น PM 2.5 กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ” นายกฯ กล่าว

ย้ำส่ง “อุยกูร์” กลับจีน ไม่ต้องห่วง พร้อมตอบทุกประเทศที่เห็นต่าง เชื่ออยู่ที่เวลา

นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เดินทางไปยังประเทศจีนเพื่อติดตามความเป็นอยู่ชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับว่า เป็นการให้นายภูมิธรรมไปดู และมีภาพกลับมาบอกประชาชนเพื่อความสบายใจ เรื่องนี้เราคุยกับทางการจีนมาก่อนหน้านี้แล้ว คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนประเทศอื่นที่เห็นต่างนั้นเราอธิบายแน่นอน และรัฐมนตรีต่างประเทศของเราก็รับหน้าที่เรื่องนี้ไปในการพูดคุย ประสานกับประเทศต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้นและให้ชัดเจนเพราะตอนที่เราตัดสินใจพูดคุยกับจีน เราไม่มีอะไรที่เปิดเผยไม่ได้ อยู่ที่เวลาเท่านั้น เมื่อได้ไปเจอไปเห็นก็จะทราบแล้วว่ามันเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น แล้วทำไมเราถึงทำ บางเรื่องอาจจะต้องใช้เวลาเล็กน้อย แต่เราก็ทำอย่างระมัดระวังที่สุด