อดีตผู้นำ ทักษิณ ชินวัตร พูดถึงปัจจัยการลงทุนในประเทศ จะต้องสร้างแรงจูงใจจาก เทคโนโลยี และ ต้นทุน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ต้นทุน พลังงาน เป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่ง โดยระบุว่า ถ้า ค่าไฟลดลงมาที่หน่วยละ 2.50 บาท จะช่วยจูงใจการลงทุนในอนาคตได้มากขึ้น เพื่อนำไปสู่ การเป็นศูนย์กลางของบล็อกเชนและคริปโตเคอร์เรนซี เริ่มปูทางจากการทดลองใช้ ดิจิทัลวอลเล็ต ย้ำด้วยว่า แซนด์บ็อกซ์ภูเก็ต ที่จะนำคริปโตเคอร์เรนซีมาใช้เป็นสกุลเงินในการแลกเปลี่ยน รวมถึง สเตเบิลคอยน์ ที่รองรับจาก พันธบัตรรัฐบาล ฟันธงจะเรียบร้อยภายใน3 เดือนนี้ และทุกอย่างจะเริ่มได้เห็นเป็นรูปธรรมในปีนี้
พลังงานสะอาดหรือพลังงานสีเขียว เป็นปัจจัยที่นักลงทุนนำไปเป็นเงื่อนไขในการตัดสินใจ จึงมีความจำเป็นต้องทำให้ ราคาพลังงานในประเทศถูกลง เกิดการแข่งขันในราคาที่ต่ำ ฝันอยากให้คนไทยให้ความสำคัญกับ AI เพราะเชื่อว่า AI จะมีอิทธิพลและบทบาทในการดำรงชีวิตมากขึ้น
ปัญหาของประเทศที่ นโยบายการพัฒนาไม่สามารถบรรลุผลได้ ส่วนใหญ่มาจาก ผู้ปฏิบัติ ยกตัวอย่าง นโยบายพลังงานภายใต้การกำกับของ รมว.พลังงาน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เคยออกมาพูดเรื่องการลดค่าไฟฟ้าหลายครั้ง จะลดลงมาเท่านั้นเท่านี้ แต่ค่าไฟก็ยังเท่าเดิม ในขณะที่การดำเนินนโยบายบางอย่างขัดแย้งกับขีดความสามารถในการที่จะลดค่าไฟลงมา เช่น จู่ๆระงับการจ้างขนถ่ายหินแม่เมาะ ชะลอการรับซื้อพลังงานหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์ กฎหมายโซลาร์เซลล์ก็ยังนิ่งสนิท ตัดโอกาสของคนในประเทศที่จะเข้าถึงทั้งการผลิตและการใช้งาน มีเรื่องที่ถูกแช่แข็งเพราะอ้างการตรวจสอบอีกมากมาย และจะมีผลกระทบกับโอกาสด้านพลังงานของประเทศอีกหลายเรื่อง หลายมิติ
การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสัญญาการทำงาน ที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบและการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ จนเกิดการขัดแย้งกับระเบียบและสัญญาที่หน่วยงานของรัฐเป็นคู่กรณีกับภาคเอกชน และเกิดความเสียหายตามมา จนถูกภาคเอกชนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ยังเป็นการสร้างความไม่เชื่อมั่นให้กับภาครัฐอีกด้วย
...
ทั้งที่ คณะกรรมการกฤษฎีกา มีความเห็นว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มีอำนาจระงับการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนได้ ต้องมีกรอบเวลาในการตรวจสอบที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้สร้างผลกระทบขึ้นในภายหลัง
เป็นกรณีศึกษา ในการใช้วิสัยทัศน์ ไปสู่ การเปลี่ยนแปลงในอนาคต ของรัฐบาล ผ่านบุคลากรของรัฐ และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อสร้างโอกาสในอนาคต ผู้ปฏิบัติ จะต้องมีวิสัยทัศน์ และขับเคลื่อนนโยบายไปข้างหน้าด้วยความเข้าใจและในทิศทางเดียวกับนโยบายหลัก ปราศจากอคติ เพราะไม่ว่านโยบายจะสวยหรูแค่ไหน แต่ถ้าภาคปฏิบัติไปคนละทิศละทาง ก็ไม่มีอนาคตอยู่ดี.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th
คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม