รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำกระทรวงเกษตรฯ ลุยพบชาวสวนยาง จ.บึงกาฬ ประกาศ Kick off “โครงการโฉนดต้นยาง” 1 เม.ย.นี้ เพิ่มมูลค่าให้ต้นยางพารา ตั้งเป้าแจกครบ 11.17 ล้านไร่ภายใน 1 ปี เชื่อชาวสวนยางสามารถใช้ค้ำประกันสินเชื่อ

วันที่ 15 มีนาคม 2568 เวลา 13.15 น. ที่โรงเรียนเซกา อ.เซกา จ.บึงกาฬ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดโครงการอบรมหลักสูตรการส่งเสริมการใช้น้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำเพื่อฟื้นฟูสวนยางพาราที่เป็นโรคใบจุดกลม จากเชื้อ Colletotrichum siamense (ใบร่วงชนิดใหม่) ประจำปี 2568 โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคกล้าธรรม และอดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตร นายนิพนธ์ คนขยัน ส.ส.บึงกาฬ พรรคเพื่อไทย นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังสังคมใหม่ และนายกฤดิทัช แสงธนโยธิน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคใหม่ นางรัชนี พลซื่อ ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคกล้าธรรม นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี พรรคกล้าธรรม และคณะผู้บริหาร ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเกษตรร่วมงาน

โดยนางนฤมล กล่าวว่า จ.บึงกาฬ มีรายได้กว่า 60% มาจากยางพารา ราคายางพาราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สมัยที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กรมการยางก็จะทำงานอย่างเข้มแข็งต่อไป รวมถึงทีมพญานาคราช ก็จะออกปราบปรามยางเถื่อนต่อเนื่อง เราจะไม่ยอมให้ยางพาราจากประเทศอื่นมาเป็นปัจจัยทำให้ราคายางพาราในประเทศไทยตกต่ำลง ทั้งนี้ หากประชาชนพบการลักลอบนำเข้ายางพาราเถื่อน ขอให้แจ้งทุกหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ และเราจะกวาดล้างทันที

...

“กระทรวงเกษตรฯ ต้องการให้ราคาพืชผลทางเกษตรชนิดอื่น ๆ มีการปรับขึ้นราคาขึ้นเช่นเดียวกับยางพารา ไม่ว่าจะเป็น ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ปาล์ม แต่ที่เราทำให้ราคายางพาราขึ้นสำเร็จก่อน เนื่องจากยางพาราอยู่ในการดูแลกำกับของกระทรวงเกษตรฯ เพราะเรามีการยางแห่งประเทศไทยอยู่ที่กระทรวงเกษตรฯ จึงทำให้หน่วยงานอื่น ๆ ของเราสามารถบูรณาการการทำงานเข้าด้วยกันได้อย่างรวดเร็ว และเบ็ดเสร็จ แต่สำหรับราคาข้าว ถึงเราจะมีกรมการข้าว แต่การกำหนดนโยบายตลาด และราคา เป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นผู้กำกับดูแล เช่นเดียวกับมันสำปะหลัง ก็มีคณะกรรมการนโยบายมัน อยู่กับกระทรวงพาณิชย์ ส่วนปาล์มน้ำมันก็เป็นของกระทรวงพลังงาน อ้อยก็ไปอยู่กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งใจจริงเราอยากจะดึงทุกอย่างมาดูแลแบบเบ็ดเสร็จ แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้” นางนฤมล กล่าว

นางนฤมล กล่าวต่อว่า ในส่วนของยางพารา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้เดินหน้าขับเคลื่อนปฏิบัติตามกฎระเบียบ EUDR ของสหภาพยุโรป (EU) เพื่อให้เขารู้ว่าเราไม่ได้ไปบุกรุกป่า ซึ่งตอนนี้มีเกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิ จำนวน 11.17 ล้านไร่ เหลืออีก 4 ล้านไร่ ที่ยังไปเป็นที่ดินทับซ้อน โดยเราได้มีการพูดคุยกัน และจะมีการจัดการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้กับชาวสวนยางพารา เพื่อให้เขามีเอกสารสิทธิที่ถูกต้อง สามารถครอบครองพื้นที่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนเกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิ จำนวน 11.17 ล้านไร่อยู่แล้ว เราจะออกโฉนดต้นยางสร้างมูลค่าให้กับต้นยางพาราที่ปลูกอยู่บนที่ดินของตนเอง ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. และนำไปลงทุนต่อยอดทางธุรกิจได้ โดยจะ Kick off เปิดโครงการในวันที่ 1 เม.ย.นี้

“กระทรวงเกษตรฯ ต้องการให้เกษตรกรชาวสวนยางเข้าถึงแหล่งเงินทุนของสถาบันการเงินได้มากขึ้น ซึ่งโครงการนี้จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้สวนยางพาราประมาณ 27,000 บาทต่อไร่ ชาวสวนยางก็จะมีเงินไปพัฒนาพื้นที่เกษตรกรรมของตัวเองได้ เราจึงตั้งเป้าที่จะออกโฉนดต้นยางให้ครอบคลุมพื้นที่ปลูกยางพาราทั้งหมด เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง และในอนาคตชาวสวนยางยังสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิต เพิ่มเป็นรายได้เสริมด้วย” นางนฤมล กล่าว

ในส่วนของโรคใบจุดกลมจากเชื้อ Colletotrichum siamense ในต้นยางพารา นางนฤมล กล่าวว่า โครงการอบรมหลักสูตรการส่งเสริมการใช้น้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำในวันนี้ ตนขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันป้องกันโรคที่แพร่ระบาดอยู่ เพื่อจะไม่ให้มีการระบาดเพิ่ม เพราะจะทำให้เราไม่ได้น้ำยางตามที่เราได้ตั้งเป้าเอาไว้ พร้อมกำชับให้กรมการยางเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้และความเข้าใจให้กับชาวสวนยางด้วย