“พายุฤดูร้อน” พัดถล่มในห้วงอุณหภูมิเดือดทะลักปรอท ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนประชาชนภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง ไม่เว้นกรุงเทพฯต้องระวังสภาพลมฟ้าอากาศแปรปรวนช่วงวันที่ 16–18 มีนาคม สุดสัปดาห์นี้ถึงต้นสัปดาห์หน้า อากาศยิ่งร้อนจัด ฤทธิ์พายุยิ่งรุนแรง

ตามธรรมชาติ “พายุฤดูร้อน” ในหน้าแล้ง ต้องเฝ้าระวังความเสียหายในจังหวะหักมุมกับ “พายุหมุนทางเศรษฐกิจ” ที่รัฐบาลลุ้นให้พัดกระหน่ำแรงๆ หมุนสุดเหวี่ยง กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศหลายๆรอบ

แต่ “เทกระจาด” เงินหมื่น 2–3 รอบ ก็ได้แค่หย่อมความกดอากาศต่ำ

วูบวาบแบบ “ลมบ้าหมู” งบประมาณเกือบ 2 แสนล้าน เหมือนโยนก้อนหินลงแม่น้ำเจ้าพระยาหายต๋อม ตัวชี้วัดจากตัวเลขจีดีพีที่แทบไม่ขยับ ไม่มีผลกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยที่รั้งท้ายอาเซียน

ทั้งซาร์ทั้งเซียนเศรษฐกิจฟันธงไม่ตรงเป้าและไม่ตรงปก

และก็เหมือนเครื่องบินที่ไม่มีเกียร์ถอยหลัง เดินหน้าแล้วกลับลำไม่ได้ ไฟต์บังคับต้องลุยฝ่าเสียงติฉินนินทาไปลุ้นดาบหน้า ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ไฟเขียวกระทรวงการคลัง ล้วงเงินก้นถุงแจกเงินหมื่นเฟส 3

ล็อกเป้าหมายวัยโจ๋ อัดโปรโมชันกลุ่มอายุ 16–20 ปี

ภายใต้แนวคิดอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบกระตุ้นน้ำเลี้ยงไปพร้อมๆ กับปูระบบเงินดิจิทัลในกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยี ถนัดการใช้เอไอ

วิธีการยากกว่าผู้สูงวัย ไม่จ่ายเป็นเงินสดให้ถอนไวผ่านตู้เอทีเอ็ม

หลักการและเหตุผลดูดี แต่ไม่ได้ปรับปรุงวิธีการนำไปปฏิบัติ เพราะยังไม่ทันไรก็ออกลูกมั่ว นาทีแรกทีมกระทรวงการคลัง เปิดช่องให้จ่ายเป็นค่าเทอมได้ แต่ไม่ทันข้ามวันก็กลับลำใหม่ แก้เป็นจ่ายค่าเทอมไม่ได้

...

ตรงกันข้ามไม่ห้ามซื้อเหล้า ซื้อบุหรี่ ในร้านโชว์ห่วย ร้านสะดวกซื้อ

มันคือความลักลั่นย้อนแย้งวิถีปกติของสังคม อารมณ์ประชาชนงงๆกับเป้าหมายการแจกเงินหมื่นรัฐบาล ซึ่งนั่นก็เข้าทาง “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ กัปตันทีมเศรษฐกิจพรรคประชาชน ดักคอเบิ้ล บลัฟคิวเทกระจาด

ไม่ได้กู้เศรษฐกิจ แต่จริงๆคือกู้วิกฤติการเมืองของรัฐบาลเพื่อไทย

ฟอร์มเดิมเจ้าตำรับประชานิยมถูกนำมาใช้ทุกครั้งที่รัฐบาลกระแสดิ่งหนัก แค่หวังหว่านเงินงบประมาณซื้อเสียง “นิวโหวตเตอร์” กลบเชิงบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวของทีมงาน “เถ้าแก่ใหญ่”

ต้องยอมแลกความเสี่ยง “ถังแตก” เงินกู้จ่อทะลักเพดาน หนี้สาธารณะ

ตอกย้ำอาการหัวหมุน รัฐบาลชุลมุนกับการกู้ปัญหาปากท้อง เฉพาะหน้า

สถานการณ์ยังมองไม่เห็นการรับมือเกมยาว กับเค้าลางมหาวิกฤติ ที่รอกระแทกเศรษฐกิจเมืองไทย ควันสงครามการค้าของชาติมหาอำนาจ มาตรการกำแพงภาษีของ “คาวบอย” โดนัลด์ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

ภาคเอกชนไทยต้องกระตุกรัฐบาล ตั้งทีมเจรจากันจ้าละหวั่น

แต่ที่ตั้งตัวไม่ทัน สดๆร้อนๆม้าเร็วแจ้งข่าวร้ายแทรกคิว ที่ประชุมรัฐสภายุโรป (อียู) โหวต “ประณาม” รัฐบาลไทย จากปมส่งผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับไปให้รัฐบาลจีน ละเมิดหลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง

งัดแผน “แบน” ผ่านเงื่อนไขข้อตกลงทางการค้า “เอฟทีเอ”

แนวรบด้านตะวันตกต้อนไทยไปผูกกับรัฐบาลปักกิ่ง สัญญาณร้ายทางเศรษฐกิจจากแรงเสียดทานภายนอก ตอกหมุดย้ำฝาโลง สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยตกระเนระนาด เป็นประวัติการณ์ในรอบ 5 ปี

มหาวิกฤติเศรษฐกิจยุคเอไอ โจทย์ยากยกระดับตามกาลเวลา นาทีนี้ “อัศวินดิจิทัลยุคบุกเบิก” ยี่ห้อ “ทักษิณ” ก็ “เอาไม่อยู่” นั่นก็ไม่ต้องพูดถึงสภาพผู้นำหญิงคนสุดท้องตระกูลชิน นายกฯอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์เมืองไทย  ต้องแบกรับภาระหนักอึ้ง “เกินกำลัง” หนักกว่าวัย

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจไหลดิ่งถึงจุด “อ่อนไหว” แรงตกกระทบสั่นไหวไปถึงการเมือง ตามสัญชาตญาณนักเลือกตั้งอาชีพ

นักเล่นเกมอำนาจแบบไทยๆ สัมผัสได้ถึงอันตรายต่อสุขภาพผู้นำรัฐบาล

กับไต๋ที่ซ่อนอยู่ในเกมยื้อยุดฉุดกระชากศึกเชือดในสภาผู้แทนราษฎร

ตามยุทธการอารักขา “จุดแข็งแฝงจุดอ่อน” อาการของพรรคเพื่อไทย และรวมไปถึงแนวร่วมนอกค่าย ตั้งป้อมสกัดฝ่ายค้าน จี้พรรคประชาชนให้ลบชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นายกฯแพทองธาร”

แก้เหลี่ยม “แทงใจดำ” ลดโทนคำแสลง “หุ่นเชิด”

กับฟอร์มของมวยเก๋า ลีลาเก่า อาศัยลูกเขี้ยวเดินหมากผ่านขาใหญ่ ไล่ตั้งแต่ “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ

แยกเขี้ยวขู่ขึ้นเสียงดุ หลอกล่อให้กองทัพส้มหลงเกมตีรวน

ถ้าไม่บังเอิญเจอ “เด็กดื้อ” ฟันน้ำนมหักกลายเป็นเขี้ยวงอกคมๆ

แกร่งตามประสบการณ์ “เจ็บมาก่อน” กองทัพส้มไม่ยอมพลาดท่าเสียค่าโง่ซ้ำซ้อน จากที่พลาดหลงเหลี่ยมเสียเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร มอบหวยรางวัลที่หนึ่งให้ “แบนอร์” นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา จากค่ายประชาชาติ ยึดเก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติเป็นคำรบสอง ทั้งที่มีแค่ 9 เสียงเท่านั้น

อันเป็นที่มาของฉายา “วันนอร์ (มินี)” ที่นักข่าวสภาฯตั้งฉายาให้

และนั่นก็มาถึงจุดที่ท่านประธานวันนอร์ต้องจ่าย “ค่าถูกหวย” อื้อซ่า โดยจังหวะไหลเข้าโซนเดิมพัน ภารกิจปกป้อง “นายใหญ่” ในอารมณ์ขึงขัง ภาพของประธานสภาฯ ร่อนสารให้ฝ่ายค้านตัดชื่อ “ทักษิณ” ออกจากญัตติ ไม่เช่นนั้นจะไม่เปิดเวทีเชือดผู้นำ

ก่อนโดนเหลี่ยมดักลำ ย้อนศรลูกเขี้ยวเสือเฒ่า

เจอลูกแสบ “กุมารเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาชน ชิงเปิดฟลอร์ที่ประชุมสภา เจรจาต่อหน้าคนดูทางบ้าน โชว์สปิริตฝ่ายค้าน ยอมลบชื่อ “ทักษิณ” ออกจากวรรคทอง

แลกกับการเปิดไฟเขียวให้ลาก “นายกฯอิ๊งค์” ขึ้นเขียงยาว 30 ชั่วโมง

เล่นเอาทีมองครักษ์พรรคเพื่อไทยเต้นโหยง ที่ประชุม 3 ฝ่ายยังยื้อตกลงกันไม่ได้ แต่สถานการณ์ก็เข้าทางฝ่ายค้าน “กุมารเท้ง” ที่โชว์บทยอมถอยเพื่อให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจเดินหน้า เป็นประโยชน์กับประชาชนที่เฝ้าดู

แต่ถ้ายังยื้อยึกยัก เป็นผลให้ศึกเชือดผู้นำหญิงคนสุดท้องตระกูลชินเดินหน้าไม่ได้ ก็เป็นเหลี่ยมรัฐบาลเพื่อไทยเล่นเกม ปิดกั้นการตรวจสอบ

ประชาชนทางบ้านมองออก ตัดสินได้ด้วยสายตา

 แค่เกมชักเย่อก็ล่อกันเลือดสาด เด็กส้มไม่ยอมให้ “ทีมเถ้าแก่ใหญ่” ขี่คอง่ายๆตามเดิมพันศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “พิธีกรรม” สำคัญที่มีผลในเชิงกระแส แม้ไม่ถึงขั้นล้มรัฐบาล แต่ยุทธศาสตร์ของกองทัพส้มอยู่ที่ “เขี่ยแผล” เลี้ยงกระแสไปถึงศึกเลือกตั้งใหญ่รอบต่อไป

 สงคราม 2 ขั้ว “อนุรักษ์นิยม–เสรีนิยม” พรรคประชาชนฟัดกับเพื่อไทย

แต่โดนแรงตกกระทบ ควันหลงจากศึกเชือดในสภา มันมักจะตามมาด้วยการปรับ ครม.ที่เกิดขึ้นหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตรงพอดีกับเงื่อนเวลาผ่าน 6 เดือน หมดโปรฯเก้าอี้ดนตรี รับรู้กันดีในค่าย “นายใหญ่”

และมันคงไม่ใช่แค่เรื่องทางเอกสาร การปรึกษากันวาระปกติ

ตามคำสั่งสดๆ ร้อนๆ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับวินิจฉัยในคดีที่คณะรัฐมนตรี (ผู้ร้อง) มอบหมายให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของนายกฯและคณะรัฐมนตรี ในการเสนอชื่อบุคคลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯเป็นรัฐมนตรี

ไม่รับตีความขอบเขต “มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” โยนลูกกลับไปให้ทีมเพื่อไทย “แปลไทยเป็นไทย” กันเอง ศาลรัฐธรรมนูญไม่เป็นตราประทับ รองรับความมั่นใจของ “นายกฯอิ๊งค์” ประกันความเสี่ยงย่ำรอย นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ

สอดรับกับจังหวะกระแสปรับ ครม. ตามเงื่อนไขสถานการณ์ “จำเพาะเจาะจง”

แบบที่สื่อจ่อไมค์ถามนายกฯอิ๊งค์ตั้งแต่นาทีแรกที่ร่อนหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญ เป้าโฟกัสจับจ้องไปที่ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้มีบารมีค่ายกล้าธรรม ที่กำลังโชว์ฟอร์มฮอต บทขุนอาสาเข้าตา “นายใหญ่” ยังไม่ทันไร ประกาศ “เคลม” 10 เสียง จากซีกฝ่ายค้าน โหวตหนุน “นายกฯอิ๊งค์” ล่วงหน้า

ชื่อของ “ผู้กองนัส” ถูกเชิดขึ้นมาเป็น “ม้าใช้” คุ้มกัน “ขุน” อย่าง “ทักษิณ” ประกบ “เกรียน 2 น.” ประชัน “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล  และ “เสี่ยเน” นายเนวิน ชิดชอบ ขาใหญ่ค่ายเซราะกราว ภูมิใจไทย

จังหวะแนวรบ “สงครามตัวแทน” รบประชิด ติดดาบประจัญบานแตกหัก

“สว.สายน้ำเงิน” ลากเกมเข้าโซนเชือดปลายดาบ ป.ป.ช. ยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เล่นงานคดีอาญามาตรา 157 กับ “จอมหน้านิ่ง” พ.ต.อ.ทวี  สอดส่อง รมว.ยุติธรรม รวมทั้งทีมงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปยันเสียงส่วนใหญ่บอร์ดคดีพิเศษ

โทษฐานใช้อำนาจโดยมิชอบลุยสอบ “โพยฮั้ว สว.”

หักมุมสวนทางกับอีกฟาก กลุ่ม สว.สำรองแท็กทีมกับ “ตัวละครปริศนาขาจร” อย่างนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ลุยยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้การเลือก สว.เป็นโมฆะ พ่วงกับการยุบพรรคภูมิใจไทยโทษฐานแทรกแซงการเลือกสภาสูง

เส้นทางเกมเดิมพัน มุ่งไปสู่ “จุดเปลี่ยน” กระดานอำนาจรัฐบาลกันเลย.


“ทีมการเมือง”

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม