“เท้ง” ขน สส.ติดตามแผนรับมือน้ำท่วม จ.เชียงราย ปี 2568 ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดยืนยันมีโมเดลแก้ปัญหา แต่ขาดงบประมาณ ขณะที่นายอำเภอแม่สาย วอน “ผู้นำฝ่ายค้าน” ทวงเงินเยียวยาให้ชาวบ้านในพื้นที่ หลังต้องรอ ครม. อนุมัติ
วันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่เทศบาลตำบลแม่สาย จังหวัดเชียงราย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน นำคณะ สส. พรรคประชาชน เช่น นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ สส. เชียงราย, นางสาวจุฬาลักษณ์ ขันสุธรรม สส. เชียงราย, นายฐากูร ยะแสง สส. เชียงราย, นางสาวสิริลภัส กองตระการ สส. กทม., นายเจษฎา ดนตรีเสนาะ สส. ปทุมธานี, นายปารมี ไวจงเจริญ สส. บัญชีรายชื่อ, นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส. บัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่ อ. แม่สาย จ. เชียงราย ในภารกิจผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน เพื่อติดตามการฟื้นฟูเมืองจากเหตุการณ์อุทกภัยเมื่อปี 2567 และการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชายแดน โดยมีนายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย, นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย และคณะให้การต้อนรับ
โดยนายอำเภอแม่สาย กล่าวรายงานแนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วมในอำเภอแม่สาย การช่วยเหลือผู้ประสบภัย และแนวทางการป้องกันและลดผลกระทบอุทกภัยในลุ่มน้ำแม่สาย ซึ่งจะต้องขุดลอกลำน้ำ และรื้อถอนสิ่งก่อสร้างที่รุกล้ำระหว่างชายแดนไทยและเมียนมา ซึ่งอาจกระทบกับบ้านเรือนของชาวบ้านกว่า 1,000 ครัวเรือน ปัจจุบันเมียนมารื้อถอนสิ่งก่อสร้างที่รุกล้ำแผ่นดินไปแล้ว 20 จุด ส่วนไทยรื้อถอนไปแล้ว 7 จุด

...
รอเมียนมาไฟเขียวงบขุดลอก
สำหรับการขุดลอกลุ่มน้ำ ฝ่ายเมียนมาจะรับผิดชอบในการขุดลอกแม่น้ำสาย เดิมไทยได้ทำการสำรวจศึกษาตั้งแต่บริเวณหัวฝายต้นน้ำสายไปจนถึงต้นแม่น้ำโขงระยะทาง 50 กิโลเมตร แต่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ไทยและเมียนมาได้ตกลงกันว่าจะดำเนินการสำรวจร่วมกัน ซึ่งขณะนี้เมียนมาได้ส่งแบบไปให้รัฐบาลตรวจสอบแล้ว รอให้รัฐบาลเมียนมาอนุมัติงบประมาณ คาดว่าจะเป็นช่วงต้นเดือนเมษายน 2568
ขณะที่ฝ่ายไทยดูแลเรื่องการขุดลอกลำน้ำรวก โดยกองพลทหารช่าง มีงบประมาณกว่า 70 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการอนุมัติงบประมาณของสำนักงบประมาณ คาดว่าจะสามารถขุดลอกได้แม่น้ำรวกไปพร้อมกับแม่น้ำสายในต้นเดือนเมษายนนี้
ชี้เหมืองต้นเหตุน้ำท่วม
ด้านนายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายมีภูมิประเทศเป็นติ่งเข้าไปในรัฐฉานที่มีการเผาข้าวโพด โดยปัญหาฝุ่นเป็นปัญหาหนักมาก เพราะไม่ใช่แค่การนำเข้าเมล็ดข้าวโพด แต่ยังมีเรื่องของปุ๋ย ซึ่งต้องเรียกผู้ประกอบการมาคุย ที่ผ่านมาตนพยายามคุยกับรัฐบาล แต่ยังขาดปัจจัยที่ 3 คือผู้ประกอบการ ส่วนปัญหาอุทกภัย ตนคิดว่าอยู่ที่เหมือง การไม่ยกเลิกเหมืองจะเป็นปัญหาหนักที่ทำให้เกิดอุทกภัย เพราะดินของเหมืองจะทำให้ลำน้ำตื้น ทำให้ต้องขุดลอกกันทุกปี การเกิดเหตุซ้ำๆ แบบนี้ ส่วนกลางน่าจะให้เครื่องจักรในการขุดลอกมายืม เราไม่ได้จะซื้อ ตนเชื่อว่าการบูรณาการจะเป็นบทเรียนสำคัญในการจัดการปัญหาภัยพิบัติ เนื่องจากอุทกภัยปี 2567 เป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์

ฝาก สส. ตามเงินเยียวยา
ขณะที่นางสาวจุฬาลักษณ์ ขันสุธรรม สส. เชียงราย พรรคประชาชน ขอเปิดไมค์สอบถามเรื่องเงินเยียวยาอุทกภัย ว่าจะได้ในช่วงไหน รวมถึงเงินค่าล้างโคลนของผู้ประสบอุทกภัยด้วย ทำให้นายอำเภอแม่สาย ตอบว่า งบประมาณในการฟื้นฟูน้ำท่วมนั้น เทศบาลและอำเภอเชียงรายได้ติดตามตลอด แต่มีงบประมาณสูงถึง 134 ล้านบาท ซึ่งเกินวงเงินงบประมาณจึงต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงต้องฝากผู้นำฝ่ายค้านให้ติดตามเรื่องนี้ด้วย
ขณะที่นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ สส. เชียงราย พรรคประชาชน สะท้อนถึงประเด็นเศรษฐกิจว่า กิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวหลายอย่าง เช่น กิจกรรมบอลลูน ถูกจัดโดยบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าการกระตุ้นทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายไม่ถูกผลักดันจากรัฐบาลมากนัก โดยส่วนใหญ่จะจัดจากบริษัทเอกชน

ขาดระบบเตือนภัยลำน้ำกก
ต่อจากนั้นคณะของผู้นำฝ่ายค้านเดินทางต่อมาที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อรับฟังข้อมูลแผนป้องกันอุทกภัยปี 2568 โดยตัวแทนสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย สรุปข้อมูลระบบเตือนภัยในลำน้ำสาย เนื่องจากที่ผ่านมามีข้อจำกัดเรื่องเครื่องมือเตือนภัย โดยช่วงปลายปีที่ผ่านมามูลนิธิเพื่อนพึ่งพายามยาก และกองทัพไทยได้ประสานไปยังทางการเมียนมา ติดตั้งระบบเตือนภัย จำนวน 4 เครื่อง ที่บริเวณต้นแม่น้ำสาย เพื่อติดตามปริมาณฝน ส่วนแม่น้ำกก มีต้นน้ำมาจากเมียนมาเข้าสู่เมืองเชียงราย ที่ผ่านมาใช้สถานีวัด โดยระบบโทรมาตร ที่อำเภอเมืองจังหวัดเชียงราย และบ้านท่าตอน ซึ่งเป็นระยะทางที่ไม่สามารถจัดการได้
ดังนั้นสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) จะติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำในลำน้ำกกเพิ่มเติม ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการขออนุมัติงบประมาณ หากได้เครื่องวัดปริมาณน้ำ ระบบเตือนภัยก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขณะที่งบประมาณในการช่วยเหลือเยียวยา จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย ได้รับวงเงินเท่ากัน จำนวน 100 ล้านบาท ได้ดำเนินการช่วยเหลือไปแล้ว 95 ล้านบาท เป็นเรื่องของการดำรงชีวิต และซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ จะต้องเยียวยาประชาชนตามมติ ครม. ครัวเรือนละ 9,000 บาท จำนวน 35,000 ครัวเรือน จังหวัดจึงขอเงินสนับสนุนเพิ่มเติมอีก 400 ล้านบาท
เร่งขุดลอกก่อนเข้าฤดูฝน
ขณะที่การแก้ปัญหาระยะเร่งด่วน ตั้งเป้าว่าต้องขุดลอกลำน้ำให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝน หรือภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนแผนเผชิญเหตุในปี 2566-2567 เน้นเรื่องการสื่อสารระหว่างหน่วยงานที่เข้าให้การช่วยเหลือกับประชาชน และการจัดทำแผนอพยพ
นายทวีชัย โคว้ตระกูล ผู้อำนวยโครงการชลประทานเชียงราย กล่าวว่ากรมชลประทานได้วางแผนทำโครงการขนาดกลางและอ่างเก็บน้ำ เพื่อช่วยกักเก็บน้ำส่วนเกินเอาไว้ จังหวัดเชียงรายมี 7 แห่งที่ได้ศึกษาไว้เบื้องต้น และจะมีโครงการระยะยาวอีก 4 โครงการ โดยแม่น้ำกกมีแผนขุดลอกเร่งด่วนก่อนฤดูฝน เนื่องจากปีที่ผ่านมามีปริมาณน้ำมากกว่า 1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เกินความจุของลำน้ำ
กรมชลประทานจึงศึกษาทำแผนระบายน้ำอ้อมเมือง 2 แนวทาง ประกอบด้วย 1. อ้อมสนามบินลงแม่น้ำกกท้ายเมือง 2. ผ่านฝั่งขวาของแม่น้ำกกไปยังบายพาส ทั้งสองจะสามารถระบายน้ำได้ 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อทำประชาพิจารณ์ต่อไป
อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีแผนขุดลอกลำน้ำ ความยาว 2,800 เมตร โดยความร่วมมือของกรมการทหารช่างและเมียนมา เนื่องจากปีนี้กรมชลประทาน ได้อนุมัติงบประมาณให้กับชลประทานเชียงราย เพื่อเร่งทำแนวคันดินเพื่อให้เสร็จสิ้น
มีแต่โมเดล ขาดงบประมาณ
นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำถามจากประชาชนที่กังวลถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติในปี 2568 ซึ่งได้ให้หัวหน้าส่วนราชการถอดบทเรียนแนวทางการแก้ปัญหา ยกตัวอย่างที่อำเภอเวียงป่าเป้า ประชาชนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะต้องขุดลอกฝายแม่ฉางข้าว ส่วนพื้นที่อำเภอเมืองต้องมีการแจ้งเตือนภัยพิบัติตั้งแต่อำเภอแม่อาย สร้างฝาย ขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก
“เรามีโมเดลในการแก้ไขปัญหาทุกพื้นที่ แต่ไม่ใช่แค่ทำ 1-2 ตัว จะต้องทำครบทั้งหมดถึงจะได้ประสิทธิภาพ ซึ่งเราก็ยังไม่ได้งบประมาณ และถ้าปีนี้ยังถูกจำกัดงบก็กังวลคำถามที่ประชาชนถามมา จะตอบให้ไม่ได้”
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าปัญหาเรื่องการจัดสรรงบประมาณของไทย ที่เป็นลักษณะการรวมศูนย์ ของบเผื่อตัดเหมือนอยู่ในแดนสนธยา พรรคประชาชนจึงพยายามกระจายอำนาจในการตัดสินใจ เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ. วิธีการงบประมาณ สาระสำคัญคือ การให้สำนักงบประมาณมีกรอบงบประมาณรายปี เป็นหน้าที่ของจังหวัดและหน่วยงานที่จะเสนอคำขอ ซึ่งสำนักงบประมาณจะไม่มีอำนาจในการตัดงบประมาณ