วิป 3 ฝ่ายยังไม่สะเด็ดน้ำ นัดถกใหม่ 19 มี.ค. หลัง “วันนอร์” กล่อมฝ่ายค้านยอม ถอยแก้ญัตติร้อน ถอดชื่อ “ทักษิณ” พ้นญัตติซักฟอก แลกขอขึงเวทีถล่มรัฐบาล 30 ชั่วโมง “ณัฐพงษ์” เบรกส่งหนังสือแก้ญัตติให้ประธานสภาฯ ลั่นยอมถอยมามากแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่ยอมให้เวลาเพียงพอ ต้องรอเจรจารอบสอง เชื่อเปิดเวทียังทันสิ้นเดือน มี.ค.หรือต้น เม.ย.ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ 10 เม.ย. “โรม” ขู่ฟ่อรอบนี้ค่ายส้มจัดหนักเตรียมตัวมาดี มีหมากเด็ดที่ไม่เคยเห็นจะได้เห็นแน่ “วิสุทธิ์” ติงควรลดราวาศอก รอให้มีสติใจเย็นก่อนค่อยมาคุยกันใหม่ “นายกฯอิ๊งค์” ยิ้มออกแฟร์ดีไม่มีชื่อพ่อในญัตติ บอกได้เลยฝ่ายค้านขอถล่ม 30 ชั่วโมง ป.ป.ช.รับคำร้องสอบ “ทวี-อธิบดีดีเอสไอ”
ที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายยังตกลงกันไม่ลงตัว เรื่องกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล หลังพรรคฝ่ายค้านมีท่าทียอมจะปรับแก้ญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตัดชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออก โดยขอเวลาอภิปราย 30 ชั่วโมง จนต้องนัดหารือกันอีกครั้งในวันที่ 19 มี.ค. ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ยืนยันครั้งนี้พรรค ปชน.เตรียมตัวมาดี มีข้อมูลเป็นหมากเด็ดที่คาดไม่ถึง
“โรม” ขู่มีทีเด็ดไม่เคยเห็นจะได้เห็น
เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 13 มี.ค.ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียม พร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ว่า ยืนยันเราไม่ได้ทำผิด แต่ประธานสภาฯใช้อำนาจพลการบังคับพวกเราให้ถอนชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯออก เมื่อนายทักษิณเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบัญชาการ หรือคุณทักษิณพูดแฟร์ๆ ออกสื่อได้เลยว่าพาดพิงได้ บรรดานั่งร้านทั้งหลาย จะได้ไม่ต้องมาใช้เวทีนี้เอาซีนปกป้องนาย ส่วนที่นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.ออกมาพูดราวกับสอน พูดกี่ชั่วโมง มีเนื้อหานิดเดียว แต่กลับพูดราวกับว่าตัวเองเก่ง นี่คือโรนัลโดแห่งสภาฯ อย่าประเมินตัวเองสูงเกินไป ขอให้รอดูการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน เราไม่ได้อยู่บนพื้นฐานน้ำท่วมทุ่ง แต่อยู่บนพื้นฐานของเนื้อหาสาระ ครั้งนี้เราเตรียมตัวมาดี ยังมีอีกหลายคนที่เป็นหมากเด็ด สิ่งที่ไม่คาดว่าจะได้เห็นก็จะได้เห็น
...
ฝ่ายค้านถอยถอนชื่อ “ทักษิณ”
ต่อมาเวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เชิญนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน.ผู้นำฝ่ายค้าน มาหารือการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ หลังได้ส่งหนังสือขอให้ฝ่ายค้านแก้ไขญัตติ นำชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ เบื้องต้นฝ่ายค้านยอมแก้ไขญัตติ ไม่ใส่ชื่อนายทักษิณแล้ว จะระบุเพียงคำว่า “พ่อ” เท่านั้น และขอเวลาอภิปราย 2 วัน หากตกลงกันได้ ช่วงเวลา 15.00 น. จะประชุมวิป 3 ฝ่ายหารือข้อสรุป
“วันนอร์” หัวชนฝาห้ามจุ้นคนนอก
จากนั้นเวลา 11.40 น.ระหว่างการประชุมสภาฯ ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ทำหน้าที่ประธานการประชุม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน. ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ขอหารือว่า อยากได้ความชัดเจนกรณีประธานสภาฯทำหนังสือตอบกลับข้อโต้แย้งฝ่ายค้าน เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ระบุว่าประธานสภาฯยินดีให้แก้ถ้อยคำในญัตติ ไม่กระทบสาระสำคัญ หากยอมปรับคำตามที่ประธานนำเสนอ อยากทราบว่าวันอภิปรายจริงจะมีสิทธิ์อภิปรายเนื้อหาเต็มที่ โดยไม่ถูกเบรกใช่หรือไม่ ข้อบังคับระบุอภิปรายชื่อบุคคลภายนอกได้ หากไม่สร้างความเสียหาย หรือถ้าสร้างความเสียหาย ผู้อภิปรายรับผิดชอบเอง ถ้าพวกตนปรับคำในญัตติหมายความว่า พูดชื่อบุคคลใดๆก็ได้ในการอภิปราย โดยรับผิดชอบการกระทำเอง ประธานจะไม่ใช้อำนาจขัดขวางใช่หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ตอบว่า ถ้าอภิปรายภายใต้ข้อบังคับ อภิปรายได้เต็มที่ ไม่มีใครขวาง การไม่เอ่ยชื่อบุคคลภายนอก ไม่ได้หมายถึงเฉพาะนายทักษิณ จะเป็นใครที่เป็นคนภายนอกก็อภิปรายไม่ได้ การพูดอาจไม่ต้องใช้ชื่อท่าน ใช้อย่างอื่นคนก็รู้ได้ จะประท้วงก็ไม่ได้ จะให้สัญญาล่วงหน้าไม่ได้ว่าจะไม่ห้ามเมื่อเอ่ยถึงคนนอก ต้องทักท้วงได้ สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เคยแก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามที่นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานสภาฯ ขณะนั้นแนะนำ ทั้งที่นายชวนไม่เห็นด้วย แต่ให้ความร่วมมือให้การประชุมดำเนินไปด้วยดี
ท้าให้อนุญาตนำ “ทักษิณ” มาแจงในสภา
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอว่า อยากให้ประธานใช้ข้อบังคับการประชุมสภาฯข้อ 76 ที่อนุญาตให้นายกฯ และรัฐมนตรีเอาบุคคลภายนอกมาชี้แจงได้ เพื่อความสบายใจและความเป็นธรรมของนายทักษิณ ประธานฯ แค่ทำหนังสือถึงนายกฯว่า อนุญาตให้นายกฯ พาบิดามานั่งชี้แจงร่วมด้วย จะเป็นธรรมกับทั้งนายกฯ และบิดาที่ชื่อทักษิณด้วย
“ชวน” โต้แก้ญัตติไม่เกี่ยวกับคนนอก
จากนั้นนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป.ขอชี้แจงหลังถูกพาดพิงว่า สมัยตนเป็นผู้นำฝ่ายค้าน และมีการขอให้แก้ไขถ้อยคำในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ได้เกี่ยวกับการเอ่ยชื่อบุคคลใด ถ้อยคำที่ให้แก้ไขคือ การระบุว่ารัฐบาลกดขี่ข่มเหงข้าราชการ ทั้งที่ไม่ควรต้องแก้ไข แต่ขณะนั้นรัฐบาลกลัวฝ่ายค้านมาก ต้องเลือกประธานสภาฯมาสู้กับตน เมื่อประธานสภาฯขอให้แก้ไขคำว่า “กดขี่ข่มเหงราชการ” จึงแก้เป็น “รัฐบาลชอบอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงรังแกประชาชน” แก้แล้วหนักกว่าเดิม แต่ประธานสภาฯไม่สามารถให้แก้เป็นครั้งที่ 2 ได้ ทำให้การอภิปรายวันนั้น อภิปรายไปทั้งข้อความกดขี่ข่มเหงราชการ และข้อความแก้ไขใหม่ ไม่ได้เกี่ยวกับชื่อบุคคล
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. กล่าวว่า ถ้าประธานใช้ดุลพินิจห้ามใส่ชื่อบุคคลภายนอก ต่อไปจะเป็นบรรทัดฐานการใช้อำนาจของประธานฯ ได้ค้นคว้าข้อมูลกว่า 40 ปี ตั้งแต่มีสภาฯ มีหลายครั้งที่พาดพิงบุคคลภายนอก ถ้าประธานฯบอกว่าควรถอดชื่อ อ้างถึงความบกพร่อง ความบกพร่องควรอยู่ในรูปแบบ เช่น ลายเซ็นไม่ครบ ไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นการใส่ชื่อบุคคลภายนอก เราไม่เห็นด้วยการใช้ดุลพินิจแบบนี้ โดยนายวันมูหะมัดนอร์ตอบว่า ถ้าตนทำผิด ยินดีให้ดำเนินการตามมาตรา 157 ได้ ไม่มีปัญหา
ตั้งเงื่อนไขปรับคำ-อภิปราย 30 ชม.
ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัด นอร์และนายณัฐพงษ์ได้หารือเรื่องญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประธานสภาฯกล่าวว่า เชื่อว่าทุกอย่างจะได้ข้อสรุปภายในวันเดียวกัน เริ่มอภิปรายได้วันที่ 24 มี.ค. จากนั้นเวลา 14.00 น. นายณัฐพงษ์แถลงว่ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน รายละเอียดต้องปรับคำอย่างไร ต้องรอการประชุมวิป 3 ฝ่ายเวลา 16.00 น. จากการหารือยืนยันตรงกันว่าเมื่อให้ปรับคำและให้การอภิปรายเดินหน้าได้ ต้องให้เวลาฝ่ายค้านอภิปรายเหมาะสมที่สุด จะได้ข้อสรุปตกลงคุยเรื่องปรับคำตามที่ประธานสภาฯบรรจุไปพร้อมเรื่องเวลา เพราะได้บอกไปแล้ว ว่ายินดียอมปรับคำในญัตติ ขณะเดียวกันฝ่ายรัฐบาลต้องให้เวลาเราอภิปรายเต็มที่ ขั้นต่ำอยู่ที่ 30 ชั่วโมง ที่พูดคุยกันกับประธานสภาฯ ท่านเห็นด้วยกับเรา เชื่อว่าความเป็นผู้ใหญ่ของประธานสภาฯ เมื่อเป็นดำริประธานสภาฯเชื่อว่ารัฐบาลจะยอมรับ แต่ตนพูดแทนไม่ได้ ต้องรอการประชุมร่วมกับวิป 3 ฝ่ายก่อน
แทงกั๊กเปลี่ยนคำเป็น “พ่อนายกฯ”
เมื่อถามว่าการปรับคำเปลี่ยนจากคำว่านายทักษิณเป็นพ่อนายกฯหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ให้รายละเอียดให้ได้แค่ว่าปรับคำแน่นอน เพื่อให้บรรจุญัตติได้เป็นคำอะไรขอให้รอเวลา 16.00 น. เมื่อถามว่าเมื่อปรับคำแล้วเนื้อหาที่ฝ่ายค้านเตรียมไว้ ครอบคลุมบุคคลดังกล่าวถือว่าไม่ผิดแผนใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้ผิดแผน หลักๆคือให้ตัดชื่อบุคคลออก โดยเนื้อหาสาระอย่างอื่นไม่ได้เปลี่ยนแปลง และการอภิปรายครั้งนี้ไปที่ตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ฉะนั้นการอภิปรายครั้งนี้ไม่ว่าอภิปรายพาดพิงใครก็ตาม ตามกรอบญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราอภิปราย น.ส.แพทองธารเพียงผู้เดียว เมื่อถามว่ามั่นใจการวางตัวเป็นกลางของประธานสภาหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า มั่นใจมากขึ้น เชื่อว่านายทักษิณเป็นบุคคลสาธารณะ หากต้องการชี้แจงสื่อย่อมสนใจ ไม่จำเป็นต้องมาชี้แจงในสภาฯก็ได้ หรือหากท่านจะมาในสภาฯพวกตนยินดี ส่วนเหตุผลการเปลี่ยนคำ เพื่อจะให้กระบวนการเดินหน้าต่อไปได้ โดยยังไม่เสียหลักการ
เจรจาไม่สะเด็ดน้ำนัดอีกที 19 มี.ค.
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมวิป 3 ฝ่าย หาข้อยุติเรื่องปรับแก้ญัตติพร้อมตกลงวัน เวลา อภิปรายไม่ไว้วางใจ ตัวเเทนร่วมหารือ อาทิ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 1 นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม วิป ครม. นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. ผู้นำฝ่ายค้าน ต่อมาเวลา 17.30 น. นายณัฐพงษ์แถลงภายหลังการหารือชั่วโมงครึ่งว่าเป็นที่น่าเสียดายที่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ จะกลับมาประชุมกันอีกครั้งวันที่ 19 มี.ค. เราหารือสองเรื่องพร้อมกัน ฝ่ายค้านยอมแก้ไขญัตติและยืนยันกรอบระยะเวลา 30 ชั่วโมง แต่เมื่อเจรจากัน แล้วยังไม่สามารถสรุปเรื่องกรอบระยะเวลา ฝ่ายค้านเสนอ 30 ชั่วโมง ส่วนรัฐบาลและ ครม.จะขอเท่าไหร่เรายินดี เราขอยึดตัวเนื้อหาคือกรอบชั่วโมงก่อน หากเดินตามกรอบไปได้คงได้ข้อสรุป แต่ปรากฏว่ากรอบชั่วโมงที่เราให้ไป ฝั่งรัฐบาลไม่เห็นด้วยทำให้การเจรจายังไม่ได้ข้อสรุป
เปิดเวทีไม่ทันปลาย มี.ค.ยังทันต้น เม.ย.
นายณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า เรื่องตัวญัตติยังไม่ได้ทำหนังสือส่งถึงประธานสภาฯอย่างเป็นทางการ เนื่องจากวันนี้ยังไม่สามารถเจรจาเรื่องกรอบระยะเวลากัน ได้ ฉะนั้นการปรับคำในญัตติจึงยังไม่สามารถยื่นต่อประธานสภาฯได้ ชัดเจนว่าอย่างไรก็ตาม ต้องนำชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯออกจากญัตติ ส่วนจะปรับเป็นคำอื่นอย่างไร ขอให้รอดูข้อสรุป
อีกครั้ง เมื่อถามว่ามองว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดขึ้นในเดือนนี้หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ในมุมตนคิดว่ายังทันภายในเดือนนี้ ญัตติสมบูรณ์เสร็จแล้วทุกอย่าง รอแค่ปรับคำพร้อมบรรจุได้ เราจะปิดสมัยประชุมวันที่ 10 เม.ย. ฉะนั้นยังเหลือเวลาเจรจาอยู่ เป็นไปได้ว่าหากไม่ได้ภายในสิ้นเดือนนี้อาจจะเป็นต้นเดือน เม.ย.
ลั่นถอยเยอะเเล้วติด รบ.ไม่ยอมให้เวลา
เมื่อถามว่าหากรัฐบาลเสนอให้อภิปราย 2 วัน และลงมติอีก 1 วัน จะทำได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ยังหารือกันอยู่ ต้องหาจุดตรงกลางร่วมกัน เมื่อสักครู่มีการเจรจาพูดคุยกันในห้องหลายรูปแบบ แต่หากดูตามบรรทัดฐานสภาฯในอดีต เนื้อหาสำคัญที่สุด ก่อนหน้านี้เสนอไป 5 วัน นี่เป็นสิ่งที่เราถอยกัน
เยอะแล้ว หากอยากให้เดินต่อไปได้ต้องยอมถอยคนละก้าว ซึ่งฝ่ายค้านยอมถอยมาแล้วเรื่องระยะเวลา 5 วัน แต่ละหลักการเนื้อหาเรายังยืนยันตามเดิม อยากให้รัฐบาลกลับไปคุยกันในแต่ละพรรคก่อน เพื่อจะกลับมาหาข้อสรุปสัปดาห์หน้า เมื่อถามว่า เห็นตรงกันใช่หรือไม่ที่ควรจะอภิปรายในสมัยนี้ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ยืนยันว่า “พรรคฝ่ายค้านอยากอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยนี้ แต่ตอนนี้ยังเดินหน้าต่อไม่ได้ เนื่องจากยังไม่สามารถเจรจากรอบระยะเวลากับพรรคร่วมรัฐบาลได้ ขอสื่อสารตรงๆว่าหากไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ในสมัยประชุมนี้ อาจจะเกิดจากการที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ยอมให้ระยะเวลาที่เพียงพอกับฝ่ายค้าน” นายณัฐพงษ์กล่าว
“วิสุทธิ์” ให้ใจเย็นทบทวนก่อนคุยใหม่
ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรอบระยะเวลาการอภิปรายฯรัฐบาลต้องการให้อภิปรายกี่ชั่วโมงว่า ให้ทุกคนกลับไปคิดทบทวนก่อน ถ้าทุกคนบอกว่าต้องได้เท่านั้นเท่านี้ก็เจรจาไม่สำเร็จ ควรต้องลดราวาศอกกัน ถอยคนละก้าว แล้วค่อยมาว่ากัน ถ้าลดไม่ได้ก็ไม่ยอมกัน และการประชุมวันนี้ก็ไม่ได้มีการทะเลาะกัน เมื่อถามถึงในส่วนเรื่องการแก้ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นคำอะไรนั้น นายวิสุทธิ์เปิดเผยว่า ฝ่ายค้านบอกว่าได้เอาชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกหมดแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าแก้เป็นคำอะไร เมื่อเขาบอกว่าเอาออกหมดแล้วเราก็เชื่อถือเขา วันนี้มันไวไปเพราะทุกคนถือธงมา เพื่อที่จะตกลงกันแต่ไม่ได้ เป็นธรรมดาที่เขาต้องยืนกราน 30 ชั่วโมง จึงต้องให้กลับไปคิดทบทวนใหม่ ให้มีสติใจเย็นๆก่อน แล้วค่อยกลับมาคุยกัน
“นายกฯอิ๊งค์” ต้อนรับ 3 สภาฯ ศก.
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯต้อนรับนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่นำคณะประธานผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) ของหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะและรับโอวาทจากนายกฯ มี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เข้าร่วม จากนั้นเวลา 14.30 น. คณะ กรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยนายสนั่น ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เข้าเยี่ยมคารวะที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเวลา 15.30 น. นายวิลเลียม ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เข้าเยี่ยมคารวะนายกฯ ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ ช่วง 14.20 น. หลังนายกฯ ให้โอวาทคณะ YEC ของหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ นายกฯเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าอย่างอารมณ์ดีฮัมเพลง “ไม่ใช่ผู้ชาย” ของวง “ดูบาดู” ร้องท่อนที่ว่า “ผู้ชายคนนั้น ที่ฉันแอบหลงรัก”
บอกแฟร์ดีไม่มีชื่อพ่อไม่ขัดจ้อ 30 ชม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯอารมณ์ดีเพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านยอมตัดชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกจากญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เมื่อสักครู่โดนแซวว่าทำไมวันนี้อารมณ์ดี ไม่ใช่ เขาบอกว่าจะใช้คำว่า “ชายคนนั้นใช่หรือไม่” และมีเพลงพอดี เลยแกล้งกันกับทีมงาน แต่ไม่อยากร้องเพลง กลัวเพี้ยน ไม่มีอะไร ส่วนจะอภิปราย 30 ชั่วโมงได้เลย ความจริงวางแผนไว้แล้ว ถ้าอภิปรายก็ไปฟังอยู่แล้วและคงอยู่ที่สภาฯเพื่อเตรียมตัวและเตรียมคำตอบตามนั้นไปไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ อย่างที่บอกอะไรที่ถูกต้องตามกฎตามหลักก็ตามนั้นทุกเรื่อง และชายคนนั้นแฟร์ดีไม่มีชื่อ เมื่อถามว่าล่าสุดเห็นว่าจะใช้คำว่า “พ่อ” แทน แบบนี้เหมาะหรือไม่เหมาะ น.ส.แพทองธารยิ้มย้อนถามสื่อว่า “เหมาะหรือไม่เหมาะเชิญทุกท่าน ผู้รู้ตอบเลย” พร้อมผายมือออก
ยึดมาตรฐาน “อิ๊งค์ 1” หวั่นเหตุซ้ำ
เมื่อถามถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัยคำร้องคณะรัฐมนตรีเรื่องมาตรฐานจริยธรรม ศาลมีความเห็นประกอบมาหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “ไม่มี อะไรนะคะ ก็ตามนั้นค่ะ ถือว่าเราได้ถามไปแล้ว” จากนี้เวลาแต่งตั้งรัฐมนตรีคงต้องเหมือน “แพทองธาร 1” คงต้องประมาณนั้น ไม่อยากให้มีอะไรที่เซนซิทีฟ พยายามตรวจสอบให้ดีที่สุด พวกเรา
ตรวจกันหมด เป็นขั้นตอนที่ยาวมากต้องส่งไปทุกที่ ถ้าสมมติเกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก ต้องเปลี่ยนรัฐบาลอีก ทุกท่านไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น พยายามทำให้เซฟที่สุดดีกว่า วาระที่จะเข้า ครม.ต้องผ่านการตรวจสอบเหมือนกัน อยากให้รัฐบาลแข็งแรง ไม่อยากให้ความผิดเล็กๆน้อยๆ หรืออะไรที่เส้นไม่ชัด ทำให้ค่อนข้างลำบากไปหมด ทุกครั้งที่มีการแต่งตั้งอะไร ต้องทำงานหนักกันทุกคน เพราะไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดจนเกิดเรื่องใหญ่กว่าที่ควรจะเป็น
“ชูศักดิ์” เล็งแก้ รธน.หาความชัดเจน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม แกนนำพรรค พท.กล่าวกรณีศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องวินิจฉัยคุณสมบัติของรัฐมนตรีเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตและมาตรฐานจริยธรรมว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องทำต้องเข้มงวดและละเอียดรอบคอบมากขึ้นเกี่ยวกับคุณสมบัติคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรี หรือข้าราชการการเมือง เป็นไปตามวิญญูชนเห็นควรเป็นอย่างไรเมื่อศาลรัฐธรรมนูญยังไม่พิจารณา เราต้องรอบคอบและพิจารณาข้อกฎหมายชัดเจนเข้มงวด คำนึงถึงเรื่องวิญญูชน ตามศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติโดยคำนึงถึงวิญญูชนในการตัดสินใจ ขอย้ำการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความไม่เกี่ยวกับปรับ ครม.เร็วๆนี้ นายกฯย้ำไปแล้ว
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่ตอบไม่รู้จะทำอย่างไร ต่อไปนี้จะแต่งตั้งบุคคลต่างๆต้องใช้ดุลพินิจกันเอง ต้องสุ่มเสี่ยง ต้องระมัดระวังเต็มที่ นักการเมืองไม่ใช่นักบวช ไม่ใช่พระ ขนาดพระยังมีข้อครหาอยู่บ่อยๆ พูดยาก ต้องดูจนกว่าจะทำการเมืองให้ใสสะอาด เมื่อถามว่าต้องไปแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า ใช่ ถ้ามีโอกาสแก้รัฐธรรมนูญก็เอาเรื่องนี้ไปคุย ทำให้มันชัดเจน
ทสท.จี้ทบทวนแจกเงินหมื่นไม่เข้าเป้า
วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงการแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 ให้กลุ่มอายุ 16-20 ปีว่า รัฐบาลใช้เม็ดเงินมหาศาลไปในเฟส 1-2 แต่กระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อยกว่าที่รัฐบาลอ้างและโฆษณาว่าจะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจทำให้ GDP โตต่อเนื่องถึง 5% แต่โตได้เพียง 2.5% ใช้งบฯแจกเงินไปแล้วกว่า 185,000 ล้านบาท หรือ 0.8% ของ GDP แต่กระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียง 0.3% ต่ำกว่าความคุ้มค่าเงินภาษีที่ใช้ไป แผนการแจกเงินรอบใหม่จะยิ่งลดทอนประสิทธิภาพการกระตุ้นเศรษฐกิจลงไปอีก เพราะไม่ใช่กลุ่มหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่เงินที่แจกเป็นเงินกู้ที่ทุกคนต้องช่วยกันใช้หนี้ในอนาคต ไม่ใช่เงินจากกระเป๋าผู้นำรัฐบาล การทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตมั่นคง การแจกเงินชั่วครั้งชั่วคราวไม่ใช่คำตอบ แต่ต้องช่วยให้ประชาชนมีอาชีพมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ ทสท.ขอเสนอให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรม ผ่านนโยบาย “กองทุนเครดิตประชาชน” ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน
กรมศิลป์เช็กรอยร้าวตึกไทยคู่ฟ้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลนำเจ้าหน้าที่จากกองโบราณคดี กรมศิลปากร ทำการสำรวจตึกไทยคู่ฟ้า ทั้งภายนอกและภายในเพื่อซ่อมแซมปรับปรุง เนื่องจากพบบางจุดตึกไทยคู่ฟ้ามีน้ำซึม รวมถึงถือเป็นการตรวจตามวงรอบ เนื่องจากตึกไทยคู่ฟ้า ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เจ้าหน้าที่กองโบราณคดี เปิดเผยว่า หากเป็นไปได้อยากซ่อมแซมรอยร้าวก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูฝน เพื่อไม่ให้โบราณสถานเสียหาย และต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่องานภายในทำเนียบรัฐบาล ขณะที่รั้วด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า อยู่ระหว่างปรับปรุงหลังรากต้นตีนเป็ดน้ำ หรือต้นสัตบรรณ เซาะรั้วจนชำรุดเสียหาย จุดนี้เริ่มปรับปรุงมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ม.ค.
ม็อบปลาหมอคางดำนัดบุกทำเนียบฯ
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด พรรค ปชน. ประธานคณะ กมธ.การเกษตรและสหกรณ์ รับหนังสือจากตัวแทนเครือข่ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปลาหมอคางดำแพร่ระบาด เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้ง 19 จังหวัด นัดจัดการชุมนุมใหญ่วันที่ 18 มี.ค.ทวงคำตอบ 4 ข้อ ที่ยื่นต่อนายกฯเมื่อวันที่ 13 ม.ค. เรียกร้องให้รัฐเร่งทำ 4 ข้อ 1.ให้ตั้งกรรมการสอบสวนหาผู้กระทำผิด 2.กำจัดปลาหมอคางดำภายใน 1 ปี 3.ประกาศเขตภัยพิบัติ 4.ดำเนินคดีต่อผู้ก่อหายนะต่อระบบนิเวศ แต่ปราศจากคำตอบใดๆจากผู้นำรัฐบาล จึงต้องมาทวงคำตอบและส่งจดหมายเชิญผู้นำฝ่ายค้านมาหารือแนวทางจัดการปัญหา
“โรม” ติงรัฐพาสื่อส่องชีวิต 40 อุยกูร์
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรค ปชน. ประธานคณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศสภาฯ กล่าวถึงรัฐบาลนำคณะสื่อมวลชนไปติดตามความเป็นอยู่ชาวอุยกูร์ว่า สื่อมวลชนที่ไปจะมีอิสระในการทำข่าวมากน้อยแค่ไหน ถ้าต้องไปตามจุดที่วางไว้แตกแถวไม่ได้ อาจไม่ได้เห็นภาพแท้จริงว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าอยากให้คลี่คลาย รัฐบาลไทยต้องพูดคุยกับรัฐบาลจีนว่าสังคมไทย ฝ่ายการเมืองในไทย สภาฯไม่ว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เป็นห่วงว่ากำลังทำผิดกฎหมายภายในประเทศและระหว่างประเทศหรือไม่ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าทั้ง 40 คน มีสภาพความเป็นอยู่อย่างไร ต้องดูต่อว่าอีก 100 กว่าคนที่ส่งไปก่อนหน้านี้สมัยรัฐบาล คสช.มีชีวิตอยู่หรือไม่ น่าเจ็บปวดคือ พ.ร.บ.ป้องกันการอุ้มหาย เป็นกฎหมายที่เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่อาจซวยไปด้วย เพราะทำตามคำสั่งผู้มีอำนาจเป็นเรื่องที่คิดไม่รอบด้าน
“อ้วน” โต้คัดเลือกสื่อทุกแพลตฟอร์ม
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน.ตั้งคำถามการนำสื่อมวลชนไปดูความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่ประเทศจีนว่าเครื่องบินมีที่นั่ง 20 กว่าที่เป็นเครื่องของกองทัพ จะช่วยประหยัดเวลาไป 8 ชั่วโมง ไม่ต้องไปเปลี่ยนเครื่อง หากเอาสื่อของรัฐ เช่น NBT หรือช่อง 5 ไปเป็นพูลก็ได้ แต่เราพยายามให้มีลักษณะพิเศษ มีทั้งสื่อตัวแทนหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ออนไลน์ มีข่าวว่าทั้งหมดมาขอที่ตนเป็นผู้ตัดสินใจ ไม่เกี่ยวเลย ร่วมกันทำงานให้ทีมโฆษกประจำสำนักนายกฯเป็นผู้ประสานคัดเลือกมา ส่วนที่กระทรวงกลาโหมให้โฆษกกระทรวงกลาโหมประสานและเลือก บางที่
ตนไม่ทราบว่าคัดเลือกมาอย่างไร แต่บางที่สื่อมีการตกลงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไป ที่พาดพิงตนว่าไม่แฟร์รัฐบาลเลือกสื่อไป อย่าดูถูกสื่อ ไม่คิดว่าใครเป็นสื่อของรัฐบาล ยกเว้น NBT ที่ทำหน้าที่ สื่อที่เลือกไปเลือกจากความนิยมและเรตติ้งที่มีอิทธิพลต่อประชาชนมากที่สุด กระจายให้ทั้งหมดทั้งจากทำเนียบรัฐบาล กระทรวงกลาโหมและกระทรวงยุติธรรม
43 สส.ชงรัฐสภายุโรปประณามไทย
วันเดียวกัน สส.สหภาพยุโรป 43 คน สังกัดกลุ่มการเมืองสายเสรีนิยม เสนอร่างมติต่อรัฐสภายุโรปให้ดำเนินการโหวตรับรองในวันที่ 13 มี.ค.โดยมติมีเนื้อหาว่า 1.ขอประณามและเรียกร้องรัฐบาลไทยให้ยุติการส่งตัวผู้อพยพ ผู้ขอลี้ภัยและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลับไปยังประเทศต้นทางซึ่งมีความเสี่ยงที่คนเหล่านี้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต 2.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยอนุญาตให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เข้าถึงผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมด 3.ขอเรียกร้องให้จีนเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของชาวอุยกูร์ 4.ขอเรียกร้องให้ประเทศไทยเข้าร่วมภาคีอนุสัญญาผู้ลี้ภัย ค.ศ.1951 และพิธีสารว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ.1967 ที่มีรายละเอียดสำคัญคือการยอมรับสิทธิของผู้ลี้ภัยและยอมรับหลักการไม่ผลักดันกลับ
ป.ป.ช.รับคำร้องสอบ “ทวี-ดีเอสไอ”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่ประชุม ป.ป.ช.มีความเห็นให้รับคำร้องกลุ่ม สว.มายื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีรับคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ ในความผิดฐานฟอกเงิน หลังจากช่วงเช้าวันที่ 12 มี.ค. พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว.พร้อมคณะ สว.รวม 81 คน นำรายชื่อ สว.105 คน มายื่นคำร้องดังกล่าวต่อ ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน จึงนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช.หารือ โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ สังคมจับตาอย่างมาก จึงมีมติเห็นชอบรับเรื่องไว้ดำเนินการต่อไป แต่เป็นเพียงกระบวนการตรวจสอบขั้นต้นตามขั้นตอนปกติทั่วไป ยังไม่ใช่การตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน ทั้งนี้ ที่ประชุม ป.ป.ช.ยังให้นำคำร้องของ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษที่เคยยื่นให้ ป.ป.ช.สอบ พ.ต.อ.ทวี และ พ.ต.ต.ยุทธนา กรณีผิดจริยธรรมคดีการตรวจสอบการฮั้วเลือก สว.ที่ยื่นมาให้ ป.ป.ช.สอบก่อนหน้านี้ รวมเป็นสำนวนเดียวกับคดีการทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เนื่องจากพฤติการณ์ของคำร้องใกล้เคียงกัน ต่างกันแค่รายละเอียด ปลีกย่อยในสำนวน
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่