“ภูมิธรรม” บอก ดีแล้วหลังฝ่ายค้านแก้ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถอนชื่อ “ทักษิณ” พร้อมแจงปมคัดเลือกสื่อไปติดตามชีวิตชาวอุยกูร์ มีทุกแพลตฟอร์ม ขออย่าดูถูกสื่อ ให้รอดูผลลัพธ์ เมิน “โรม” ตั้งคำถาม
เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 13 มีนาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกระแสข่าวฝ่ายค้านยอมแก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยไม่ใส่ชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และมาใช้คำว่าพ่อแทน ว่า ได้ข่าวว่าวิป 3 ฝ่ายจะคุยกัน และไปคุยกับ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตนว่าก็ดีแล้ว เป็นกระบวนการที่ควรจะเป็น
ส่วนคำถามว่าอภิปราย 2 วันมีความเหมาะสมหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า อยู่ที่วิป 3 ฝ่ายคุยกัน และเอาข้อมูลมาดูว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกันมากน้อยแค่ไหน ถ้ามันมาก 2 วันก็ต้องให้เขา 3 วันก็ต้องให้ถ้ามีมากพอ ผู้สื่อข่าวถามต่อ ใช้คำว่าพ่อในการอภิปราย สามารถพูดถึงนายทักษิณได้หรือไม่ นายภูมิธรรม เผยว่า จะให้ใช้คำว่าพ่ออยู่ในญัตติ เป็นดุลยพินิจของประธานสภาฯ กติกามันมีอยู่แล้ว ถ้าคิดว่ามีหลักฐานที่ชัดเจน โอ้โห มีการโอนเงินตรงนี้ไป มีการคอร์รัปชัน เปิดมาเขาจะฟ้องคุณ ก็ฟ้องไม่ได้เพราะมีข้อเท็จจริง แต่ถ้าไม่มีแล้วมาพูดลอยๆ เขาก็ฟ้องได้ เท่านั้นเอง มันพูดได้อยู่แล้ว
นายภูมิธรรม ระบุอีกว่า จริงๆ การอภิปรายไม่ไว้วางใจมันเปิดช่องให้ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ถ้าเป็นการอภิปรายที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่เกมการเมือง แต่ถ้าเป็นเกมการเมือง เขาป้องกันไม่ให้ไปพูดถึงคนอื่นให้เขาเสียหาย แล้วเขาไม่มีสิทธิ์จะมาตอบ ถ้าเป็นไปตามระบบระเบียบที่มันเป็นอยู่ก็แก้ปัญหาได้แล้ว ถ้าไม่คิดเรื่องเกมการเมืองนะ ตนว่าอย่าคิดเลยเรื่องเกมการเมือง ประเทศบอบช้ำมานานแล้ว ให้เป็นเรื่องของวิป 3 ฝ่ายกับประธานสภาฯ หาคำตอบร่วมกัน เราพร้อม
...
ส่วนกรณี นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งคำถามถึงการนำสื่อมวลชนไปดูความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่ประเทศจีน นายภูมิธรรม ระบุว่า เครื่องบินมีที่นั่ง 20 กว่าที่ เป็นเครื่องของกองทัพ จะช่วยประหยัดเวลาไป 8 ชั่วโมง ไม่ต้องไปเปลี่ยนเครื่อง จริงๆ หากเอาสื่อของรัฐ เช่น NBT หรือช่อง 5 ไปเป็นพูลก็ได้ แต่เราพยายามให้มีลักษณะพิเศษ คือมีทั้งสื่อมวลชนที่เป็นตัวแทนหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ออนไลน์ โดยมีข่าวว่าทั้งหมดมาขอที่ตน และตนเป็นผู้ตัดสินใจ จริงๆ ไม่เกี่ยวเลย เป็นการร่วมกันทำงาน ให้ทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประสานและคัดเลือกมา ส่วนที่กระทรวงกลาโหม ก็ให้ทางโฆษกกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ประสานและเลือก บางที่ตนไม่ทราบว่าคัดเลือกมาอย่างไร แต่บางที่สื่อก็มีการตกลงกัน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไป
สำหรับประเด็นที่มีการพาดพิงถึงตนว่าไม่แฟร์ รัฐบาลเลือกสื่อที่ไปนั้น นายภูมิธรรม มองว่าเป็นการดูถูกสื่อ ตนไม่คิดว่าใครเป็นสื่อของรัฐบาล ยกเว้น NBT ที่เขาก็ทำหน้าที่ นอกจากนี้ สื่อที่เลือกไปก็เลือกจากความนิยมและเรตติ้งที่มีอิทธิพลต่อประชาชนมากที่สุด รัฐบาลกระจายให้ทั้งหมด จะมาบอกว่าจะไปขอสมาคม หรือที่มีคนบอกว่าจะไปขอทางการจีน ก็เรื่องของท่าน ไม่ใช่บอกว่าเราเอาสื่อรัฐบาลไปทั้งนั้น รอดูว่าใครได้ไปแล้วตอบเองว่าคุณไปดูถูกเขาหรือไม่ว่าเป็นสื่อรัฐบาล ซึ่งดูจากชื่อที่ออกมาคิดว่าทั่วถึง ทั้งจากทำเนียบรัฐบาล กระทรวงกลาโหม และกระทรวงยุติธรรม และครั้งนี้มีที่นั่งให้สื่อ 7-8 ที่ มีคนมาขอไปอีก ตนก็บอกว่าไปไม่ได้แล้ว ที่มีแค่นี้ เพราะฉะนั้นไม่แฟร์ที่จะมาบอกว่าเราทำแบบนี้ ขอให้ดูผลที่ออกมาก่อน แล้วค่อยมาตรวจสอบว่าสื่อที่ไปฝักใฝ่ฝ่ายใดหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามต่อ นายรังสิมันต์ ตั้งคำถามว่าสื่อจะมีเสรีภาพในการทำข่าวครั้งนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม ย้อนถามว่า “เอ้า คุณจะมาถามผมได้ไง คุณต้องไปถามพวกคุณสิ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามกล่าวย้ำว่านายรังสิมันต์เป็นคนถาม นายภูมิธรรม ตอบว่า “คุณโรมถามก็เรื่องของคุณโรม อย่าไปสนใจ คุณโรมก็ถามแบบนี้ตลอด แต่อย่าเป็นคำถามที่ไม่มีรากฐาน” จากนั้น นายภูมิธรรม จึงขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาลไปทันที.