ประเทศไทย เตรียมเป็นเจ้าภาพ การจัดประชุมประจำปี IMF และ World Bank ในเดือน ต.ค.ปี 2569 จูลี โคแซค โฆษกไอเอ็มเอฟ เป็นคนแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเอง ว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF จะจัดการประชุมประจำปีในไทยซึ่งมีการจัดประชุมทุกๆ 3 ปี และไทยเคยเป็นเจ้าภาพมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อปี 2534 ทั้งนี้ มีการระบุด้วยว่า คริสตาลินา จอร์เจียวา กรรมการผู้จัดการ IMF ได้พบกับ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ  เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ในการประชุม ที่ ประเทศซาอุดีอาระเบีย และหารือเกี่ยวกับการจัดการประชุมให้เห็นถึงโอกาสอันดีของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะช่วยให้ไทยได้วางตำแหน่งตัวเองในฐานะผู้มีส่วนร่วมสำคัญในการเจรจาด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

การกระตุ้น ฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทย เข้าสู่โหมดวาระแห่งชาติ เพราะในปี 2569 ในฐานะประเทศเจ้าภาพ ถ้าการเติบโตทางเศรษฐกิจกระท่อนกระแท่น ดูกระไรอยู่ ในไตรมาสแรกของปีนี้ การค้าระหว่างประเทศของไทย มีมูลค่ารวม 52,434.14 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 10.54 การส่งออกมีมูลค่า 25,276.96 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.55 ในขณะที่การนำเข้า มีมูลค่า 27,157.17 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.88 เราส่งออกไป จีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย สูงสุดเป็น 5 อันดับแรก ในขณะที่เรามีความเสี่ยง ที่จะถูกเล่นงานจากมาตรการด้านภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯมากที่สุด จากมูลค่าการค้ารวม 6,523.07 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.70 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา ขณะที่มีการนำเข้ามูลค่า 1,745.12 ล้านดอลลาร์ ไทยได้ดุลการค้าสหรัฐฯ 3,032.82 ล้านดอลลาร์ เกินดุลเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.78 สินค้าที่เราส่งออกไปสหรัฐฯมากเป็นอันดับหนึ่งคือ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตามด้วยผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีเครื่องประดับ โทรศัพท์ เครื่องปรับอากาศ สินค้าที่เรานำเข้าจากสหรัฐฯมากที่สุดก็คือน้ำมันดิบ

...

เท่าที่มีการใช้มาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ ตามนโยบาย ทรัมป์ 2.0 เฉพาะแค่ จีน แคนาดา เม็กซิโก เป็นการนำร่อง เศรษฐกิจป่วนไปทั่วโลก

สำหรับไทย กำลังถูกจับตาเป็นหนึ่งในสามประเทศในเอเชีย ที่มีความเสี่ยงสูงสุด ประกอบไปด้วยเวียดนาม ไต้หวันและไทย ซึ่งมีการพิจารณาจากมูลค่าการส่งออกต่อจีดีพี มีความเชื่อมโยงจากที่สหรัฐฯทดลองเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน แคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งมีประเทศในเอเชียสามประเทศที่มีความเกี่ยวโยงคือมาเลเซีย เกาหลีใต้และไทย อย่างกรณีของมาเลเซีย 0.59% ของจีดีพี มาจากการส่งออกสินค้าไปยังแคนาดาและเม็กซิโกจะเกิดผลกระทบกับสินค้าส่งออกประเภทเซมิคอนดักเตอร์ ยา เหล็ก และอะลูมิเนียม ที่เป็นอุตสาหกรรมสำคัญของไทยและประเทศอื่นๆ

เราจะต้องเจอกับ สงครามภาษีสองเด้ง จีนประกาศเก็บภาษีสินค้าการเกษตรและอาหารของแคนาดามูลค่ากว่า 2.6 พันล้านเหรียญ เป็นผลพวงจากที่สหรัฐฯเพิ่มกำแพงภาษีเอากับแคนาดา ถ้าไม่รีบตั้งวอร์รูมรับมือ ก็ได้แต่ทำใจ.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม