ความจริงในวันนี้...

คือปัญหาเศรษฐกิจของประเทศที่รัฐบาลยังไม่สามารถที่จะแก้ไขให้ดีขึ้น หรือฟื้นตัวจากภาวะตกต่ำที่หนักมากขึ้นทุกวัน

เครื่องจักรสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้นั้นมีอยู่ 3 ตัว

1.การส่งออก

2.ท่องเที่ยว

3.การลงทุนในประเทศ

การส่งออกนั้นลำพังที่เป็นอยู่แม้จะดีขึ้นแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะเป็นหลักประกันต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมได้ เพราะเราไม่มีสินค้าที่ทำให้รายได้สูง

ที่สำคัญก็คือสหรัฐฯ โดย “โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งมีนโยบายที่จะตั้งกำแพงภาษีสูงขึ้น ไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่จะโดนด้วย

การท่องเที่ยวแม้ยอดนักท่องเที่ยวจะมากขึ้น แต่การใช้จ่ายลดน้อยลง คือจะควักเงินจ่ายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น รายได้จึงไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่ผ่านมา

การลงทุนในประเทศในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนอย่างนี้ นักลงทุนต่างชาติก็ต้องคิดให้รอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา

ในประเทศ เอกชนก็ลงทุนเท่าที่มีขีดความสามารถปกติ จึงไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ภาครัฐเองที่จะเป็นตัวจักรสำคัญในการลงทุนก็เกิดปัญหา

คือไม่มีเงิน...

ทำให้การลงทุนในประเทศแทบจะไม่มีหรือมีน้อยมาก

ที่หวังจะดึงนักลงทุนจากต่างชาติก็ไม่ใช่ง่ายๆ

ขนาดนโยบาย “กาสิโน” ที่เป็นวิธีที่ง่ายสุดแต่ก็เกิดปัญหา เพราะมีเสียงคัดค้านจากภาคประชาชน แม้แต่นักการเมืองด้วยกันเอง

จนรัฐบาลไม่กล้าเดินหน้า ชะลอเรื่องเอาไว้ก่อน เพราะกระทบต่อเสถียรภาพ

นี่เป็นภาวะที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน!

รัฐบาลหวังจะออกนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็ยังไม่เห็นที่เป็นชิ้นเป็นอัน นอกจาก “ดิจิทัลวอลเล็ต” เฟส 3 โดยจะแจกให้วัยรุ่นอายุ 16-20 ปี

โดยสามารถใช้จ่ายได้เกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะซื้อบุหรี่ เหล้า เบียร์ เว้นมือถือและค่าเทอม เพราะใช้จ่ายง่ายเพราะวัยรุ่นนั้นชอบสูบบุหรี่กินเหล้าอยู่แล้ว

...

ที่สำคัญคืออายุ 16 ปีขึ้นไป สามารถที่จะใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งได้แล้วก็เป็นการจูงใจให้เด็กรุ่นใหม่ไปเลือก “เพื่อไทย”

พูดง่ายๆว่าหวังผลด้านการเมืองมากกว่าทำให้เศรษฐกิจฟื้นได้จริงๆ

ประเด็นที่รัฐบาลไม่มีเงินนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากนโยบายประชานิยม “ดิจิทัลวอลเล็ต” นี่แหละ เพราะถูกใจชาวบ้านจนทำให้เกิดปัญหาด้านการคลัง

ที่คุยว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ จีดีพีสูงขึ้นนั้น ความจริงแทบจะไม่มีผลเลย เพราะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น

ยิ่งไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ ก็ไม่ต่างกับตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

หากวงเงินที่ละเลงลงไปนี้นำไปลงทุนโครงการที่เป็นชิ้นเป็นอันน่าจะได้ประโยชน์มากกว่าอย่างชัดเจน

แต่เพราะต้องการหาเสียงก็เลยเกิดความผิดพลาดเป็นลูกโซ่

วันนี้รัฐบาล นอกจากปัญหาการเมืองที่หนักแล้ว แต่ปัญหาเศรษฐกิจก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รัดคออยู่จนแทบจะเอาตัวไม่รอด

ดูท่าแล้วอนาคตน่าจะอยู่ไม่ครบเทอมแน่

ไม่ยุบสภาก็ต้องลาออกอีกไม่นานนี้

เพราะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันยังไปกันคนละทิศละทาง!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม