นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตหนึ่งหมื่นบาท ให้ กลุ่มอายุ 16 ปีถึง 20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงกลางปี

มีทั้งเสียงชื่นชม มีทั้งเสียงโจมตี เป็นเรื่องธรรมดา

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล แม่ทัพหญิงพรรคประชาชน ฟันธงล่วงหน้าว่างบแจกฟรี 2.7 หมื่นล้านบาทรอบนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.00 เปอร์เซ็นต์

เข้าตำราตำนํ้าพริกละลายแม่นํ้าแน่นอน!!

แต่อย่าลืมความจริง...มีประชาชนได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้เพิ่มอีก 2.7 ล้านคน

ดังนั้น นโยบายแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทอาจไม่ได้มุ่งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจเป็นประเด็นสำคัญ

แต่มองข้ามช็อตไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า

ถ้าเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล โครงการแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจยังตามมาอีกหลายก๊อกแน่นอน

อย่างไรก็ดี “แม่ลูกจันทร์” ไม่เห็นด้วยกับนโยบายแจกเงินฟรีตะบี้ ตะบัน

แต่ในสภาพเศรษฐกิจซบเซา การทำมาหากินฝืดเคือง การแจกเงินหนึ่งหมื่นบาทก็ถือเป็นลาภอันประเสริฐที่คนไทยหลายสิบล้านคนได้เอาไปใช้แก้ขัดหนักขัดเบา

แต่ “แม่ลูกจันทร์” ห่วงว่านโยบายนี้ ชักจะเป๋ออกนอกลู่นอกทาง

เพราะหลักสำคัญคือการให้ประชาชนนำเงินดิจิทัลหนึ่งหมื่นบาทไปใช้จ่ายเฉพาะเรื่องจำเป็น

แต่ห้ามเอาเงินดิจิทัลไปใช้หนี้ส่วนตัว ห้ามเอาไปซื้อทอง ห้ามเอาไปจ่ายค่าไฟฟ้า จ่ายค่านํ้าประปา จ่ายค่านํ้ามัน ฯลฯ

ห้ามนำเงินดิจิทัลไปซื้อสินค้าออนไลน์ ห้ามเอาไปซื้อลอตเตอรี่และห้ามซื้อบุหรี่เหล้าเบียร์ ฯลฯ

แต่ล่าสุด นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง แถลงว่ารัฐบาลจะผ่อนผันให้ใช้เงินดิจิทัลซื้อบุหรี่เหล้าเบียร์ในร้านสะดวกซื้อ ที่ขายบุหรี่เหล้าเบียร์ร่วมกับสินค้าอื่นทั่วไป

การผ่อนผันของรองนายกฯพิชัย เป็นการทำลายหลักการสำคัญที่รัฐบาลกำหนดเอง!!

...

หลักการสำคัญคือ “เงินดิจิทัล” ต้องนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าที่จำเป็นไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย ไม่ใช่สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ และไม่ใช่สินค้ามอมเมา

“แม่ลูกจันทร์” มองว่าโครงการแจกเงินดิจิทัลหนึ่งหมื่นบาท ไม่ตอบโจทย์เท่ากับโครงการคนละครึ่งยุครัฐบาลนายกฯ ลุงตู่ที่แจกเงิน 2 รอบ รอบละสามพันบาทให้ประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 31 ล้านคน

โดยรัฐบาลร่วมจ่าย 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่เกินวันละ 150 บาท

สำหรับการซื้ออาหารและของใช้ในบ้านที่จำเป็น

ห้ามเอาไปซื้อลอตเตอรี่ห้ามซื้อบุหรี่เหล้าเบียร์ทุกกรณี!!

โครงการคนละครึ่งไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่ช่วยลดภาระรายจ่ายประชาชนแบบตรงไปตรงมา

ผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งคือประชาชน 31 ล้านคน

ร้านค้ารายย่อย หาบเร่แผงลอย ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้กว่าหกแสนราย

ทำให้เงินกระจายลงไปในระดับชุมชน ทำให้เงินสะพัดเห็นทันตา

สรุปว่า นโยบายที่คิดเยอะไป ซับซ้อนมากไป หรูหราเกินไปก็ใช่ว่าจะดีกว่านโยบายเก่าๆที่เคยใช้มาก่อนนะโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

คลิกอ่านคอลัมน์ “สำนักข่าวหัวเขียว” เพิ่มเติม