พอเห็นเค้าลางชัด โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงิน 10,000 บาท ระยะที่ 3 เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเคาะสรุปการแจกเงิน ในรูปแบบดิจิทัลวอลเล็ตเป็นครั้งแรก สำหรับประชาชนกลุ่มอายุ 16–20 ปี ประมาณ 2.7 ล้านคน

กำหนดแจกปลายเดือน มิ.ย.ถึงต้นเดือน ก.ค.นี้ สำหรับกลุ่มเป้าหมายเฟสนี้ คือ กลุ่มเยาวชน วัยเรียน ตามเหตุผลของรัฐบาล คือ เพราะคนกลุ่มนี้ตื่นรู้และเข้าใจเทคโนโลยี เพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไป โดยการใช้จ่ายเงินก้อนนี้จะใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ สแกนคิวอาร์โค้ด ณ ร้านค้าในพื้นที่เขต หรืออำเภอ

ส่วนคุณสมบัติผู้มีสิทธิได้รับเงินในเบื้องต้นก็ยังเป็นไปตามเดิม แต่รอบนี้รัฐบาลได้ตัดเงื่อนไขหลายอย่างออกไป เพื่อความสะดวกในการใช้จ่าย อาทิ ตัดรายการสินค้าต้องห้ามบางอย่างบางรายการออกไป เพื่อเปิดกว้างให้สามารถใช้จ่าย ซื้อสินค้าได้หลากหลายรายการมากขึ้นรวมทั้งยังเปิดให้ร้านค้าสามารถถอนเงินสดออกมาได้

สำหรับประชาชนกลุ่มที่เหลือ ที่ยังไม่ได้รับการแจกเงินจากโครงการนี้ ที่มีการลงทะเบียนไว้เกือบ 20 ล้านคน ทีมรัฐมนตรีกระทรวงการคลังระบุว่า กำหนดแจกจะเป็นเมื่อไหร่ รัฐบาลจะพิจารณาจากความเหมาะสมอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ เพราะได้กันเงินกระตุ้นเศรษฐกิจไว้แล้ว 150,000 ล้านบาท

สรุปว่าโครงการแจกเงินหมื่นจะเริ่มนำร่องแจกผ่านดิจิทัลวอลเล็ตเป็นครั้งแรกเร็วๆนี้ หลังผ่านมา 2 ระยะ แจกในรูปแบบเงินสด 1 หมื่นบาทไปแล้วเกือบ 18 ล้านคน โดยที่ผ่านมาอาจมองกันว่ายังไม่บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ คือการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบพายุหมุน เพราะมีข้อจำกัดทำให้ต้องแจกเงินแบบกะปริบกะปรอย

โดยเรื่องนี้ฝ่ายค้านออกมาระบุ โครงการนี้ชวนสยองทางเศรษฐกิจหลายประเด็น ทั้งดัชนีชี้วัดการแจกเงินเฟสที่ผ่านมา ไม่สามารถกระตุ้นการบริโภคได้อย่างที่คาด มาถึงรอบนี้ก็ยังมีปัญหางบประมาณ จนต้องซอยแบ่งกลุ่มแจก ที่นำร่องแจกรูปแบบดิจิทัลวอลเล็ตกับกลุ่มวัยรุ่นก็เพื่อเป็นหนูทดลอง ขณะที่ระบบรองรับก็ยังไม่พร้อม

...

จะอย่างไรก็ตามโครงการนี้ต้องถือเป็นคิวบังคับที่รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยต้องเดินต่อให้สุด เพราะเป็นอีกเรือธง ขณะที่โครงการลงทุนภาครัฐเมกะโปรเจกต์อื่นๆยังต้องออกแรงผลักดันในภาวะเศรษฐกิจยังไม่กระเตื้อง ขณะเดียวกันก็ถึงเวลาเร่งโชว์จุดขายเรียกคะแนนนิยม กระตุ้นความพึงพอใจของประชาชน.

คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม