แก๊งคอลเซ็นเตอร์มันฝังรากลึก

ตอนนี้มันยากมากที่จะจัดการ

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.) สะท้อนถึงนโยบายและมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติของรัฐบาล

ที่ล่าสุดออก พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ คุมเข้มบัญชีม้า ซิมม้า แพลตฟอร์มออนไลน์ รัฐบาลจับมือจีน-ลาว-กัมพูชา กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์

และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สับสวิตช์ตัดไฟ 5 จุด บริเวณจุดซื้อขายบริเวณบ้านพระเจดีย์สามองค์-เมืองพญาตองซู รัฐมอญ บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-พม่า-เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริเวณบ้านเหมืองแดง-เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2-เมืองเมียวดี และบริเวณบ้านห้วยม่วง-เมืองเมียวดี

ตัดไฟรวม 20.37 เมกะวัตต์ มูลค่า 600 ล้านบาทต่อปี เฉลี่ยเดือนละ 50 ล้านบาท ไม่ถึง 1% ของยอดขายไฟต่อปีอยู่ที่ 6 แสนล้านบาทต่อปี

นายรังสิมันต์ สะท้อนให้เห็นถึงความยากที่จะจัดการขบวนการนี้ให้สะเด็ดน้ำเพราะ กมธ.ได้รับข้อมูลเฉพาะเมียวดี มี 40 คอมเพล็กซ์ พญาตองซู ท่าขี้เหล็ก ไม่มีตัวเลข ลองคิดดูอีกเท่าไหร่ไปจนถึงฝั่งกัมพูชาอีกประมาณ 30 แห่ง ฝั่งลาวอีก 5 แห่ง แก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่เต็มไปหมด

“สร้างความเสียหายทั่วโลกมหาศาลนับล้านๆบาท ตัวเลขที่ผมมีไม่น่าจะน้อยไปกว่า 2.2 ล้านล้านบาท ตัวเลขผู้ตกเป็นเหยื่อหลักพันถึงหลักหมื่น

คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ไม่น่าจะน้อยกว่า 3 แสนคน ยากในการปราบปราม ถ้าเอาจริงต้องไปอุดไปจัดการกับปัญหาต่างๆ

อาทิ บังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ ช่องโหว่ชายแดนต้องจัดการไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต น้ำมัน สาธารณูปโภคพื้นฐานอื่นๆ

...

ในส่วนของท่าข้าม ต้องพัฒนาให้มีความปลอดภัย ปิดประตูลักลอบซื้อขาย ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย บัญชีม้าต้องจัดการ การเยียวยาเหยื่อที่แต่ละวันมีจำนวนมาก”

สุดท้ายต้องจับมือกับประเทศอื่น ไปจนถึงนโยบายต่างประเทศ นโยบายตรวจคนเข้าเมือง เช่น ฟรีวีซ่าที่สามารถเดินทางไปทั่วราชอาณาจักร ต้องมีมาตรการสกัดกั้นไปได้บางพื้นที่ เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ

เพื่อทลายโครงสร้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ขบวนการสีเทาใหญ่โตต้นเหตุเกิดจากส่วย กมธ.ควรเชิญหน่วยความมั่นคงชี้แจงส่วยไปขบวนการนี้ไปถึงใครบ้างอย่างไร นายรังสิมันต์ บอกว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใหญ่โตขนาดนี้

“เครือข่ายส่วย เครือข่ายเจ้าหน้าที่รัฐสีเทามันน่าจะใหญ่โตแน่นอน โดยมีการคอร์รัปชันภายในระบบราชการมีมากมายใหญ่โต เป็นส่วนสำคัญในการเป็นลมใต้ปีกให้ทุนสีเทาจากต่างประเทศ

ยอมรับไม่ใช่เรื่องง่ายที่คลำหาเส้นทางการเงิน เชื่อมโยงขบวนการที่อยู่เบื้องหลังของคนในเครื่องแบบสีเทาได้

แม้ กมธ.เรียกมาคงชี้แจงทำถูกทุกอย่าง ต้องยอมรับว่าหน่วยงานอื่นๆ ถ้าไม่คาหนังคาเขาจริงๆบางทีก็จับไม่ได้ง่าย กรณี พล.ต.ต. “ต.เต่า” พูดมาตั้งนานเพิ่งขยับ ไม่รู้ขยายผลมากน้อยแค่ไหน

 เราคงต้องหวังพึ่งพาบรรดา “นาตาชา” ที่เอาข้อมูลมาให้ กมธ.”

ยุทธจักรอำนาจอิทธิพลสีเทาในไทยใหญ่โต กรณี พล.ต.ต. “ต.เต่า” ก็ต้องมีคนใหญ่กว่านี้ ขบวนการนี้ถึงเฟื่องฟูขนาดนี้ นายรังสิมันต์ บอกว่า แน่นอน ขนาดนายตำรวจท่านนี้อาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา

แสดงว่ามันไม่ใช่อยู่แค่ฟันเฟืองตัวใดตัวหนึ่ง แต่มันมีฟันเฟืองจำนวนมาก จนระบบกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันหรือปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้

ถึงวันนี้เชื่อมั่นมีเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ดีๆอยู่จำนวนมาก พร้อมทำงานจัดการคนที่คอร์รัปชัน โดยรัฐบาลต้องมีเจตจำนงหรือไม่ว่าจะทำอะไรหรือไม่ ถ้ารัฐบาลไม่คิดทำอะไร ปัญหา มันยังคงมีต่อไป

จะมาบอกว่าฝ่ายค้าน ก็ออกมาเปิด ออกมาพูดซิ อย่าลืมฝ่ายค้านพูดมีต้นทุนสูงมากในแต่ละเรื่อง เสี่ยงทั้งต่อชีวิต ทั้งต่อด้านกฎหมาย

“ผมให้ลายแทงไปแล้ว รัฐบาลมีกูเกิลแม็ปของฝ่ายค้าน อยู่ที่รัฐบาลเอาไปขยายผลดำเนินการต่อหรือไม่

ตอนนี้การแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ต้องให้ความสำคัญเชิงนโยบาย ทั้งปราบปรามที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน มาตรการป้องกันไม่ให้คนต่างชาติข้ามไปง่ายๆ

แต่ถึงที่สุดต้องยอมรับว่ามันคือ “ช้างที่อยู่ในห้อง” ต้องจัดการ นั่นคือปัญหาคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมีทุกส่วน”

หนึ่งในวิธีจัดการคอร์รัปชัน ต้องแสดงให้เห็นถึงระบบกฎหมายมีประสิทธิภาพโดยเอาจริงเอาจัง เพื่อให้เห็นว่ามันมีตัวใหญ่ๆ ถูกจับกุมและถูกขยายผล

จัดการคอร์รัปชันจับตัวใหญ่ขยายผล

ขณะที่ถ้าการโยกย้ายตำรวจ โยกย้ายข้าราชการ วัดกันที่ผลงาน ไม่ใช่เส้นสาย ไม่ใช่วิ่งเต้น จะช่วยทำให้แข่งกันทำงาน แต่วันนี้คอร์รัปชันมันสูง เพราะการเติบโตในอาชีพราชการไม่ได้เกิดจากผลงาน แต่เกิดจากฝีเท้าในการวิ่ง

หน่วยงานรัฐที่ อาทิ ปกครอง กองทัพ สมช. หรือสภาความมั่นคงแห่งชาติ เหมือนทำงานไม่เป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้ขบวนการเหล่านี้เติบโตขึ้น นายรังสิมันต์ บอกว่า มีช่องว่างการทำงานระหว่างกันจริง แต่ถ้าถามว่าเป็นเนื้อเดียวกันหรือไม่ บางเรื่องอาจเป็นเนื้อเดียวกัน อย่างการแบ่งผลประโยชน์อาจเป็นเนื้อเดียวกัน

หากเป็นเนื้อเดียวกันจริงๆ น่าจะเห็นมิติการตรวจสอบ แต่ไม่ค่อยได้เห็นมิตินี้เท่าไหร่ ทำให้ในเชิงประสิทธิภาพปกป้องประชาชนมักมีปัญหา แต่ละหน่วยงานรัฐอาจมองคนละด้าน มีกฎหมายของตัว ทำให้เกิดช่องว่าง สะท้อนออกมาให้เห็นกรณีตัดไฟ ดูยากเย็นแสนเข็ญ

กมธ.ย้ำมาตลอด กฟภ.ตัดไฟได้ แต่ทำไมดูยากเย็นแสนเข็ญ นายรังสิมันต์ บอกว่า มองในแง่ดีอาจไม่กล้าตัดสินใจแต่มองในแง่ร้าย อาจเจอ “ตอ” ตรงนี้ไม่มีหลักฐานชัดเจน

แต่ตั้งข้อสังเกตตามแนวชายแดนเมียนมา มีกลุ่มผลประโยชน์เยอะ อาจเป็นกาสิโน การพนันออนไลน์ ถ้าตัดไฟต้องกระทบต่อกลุ่มผลประโยชน์ ไม่ใช่แค่แก๊งคอลเซ็นเตอร์

หัวไม่ส่ายหางไม่กระดิก มักถูกยกเปรียบเปรยในสถานการณ์แบบนี้ นายรังสิมันต์ บอกว่า เชื่อว่าถ้าหัวเอาจริงส่วนต่างๆของร่างกายก็เอาจริง ขึ้นอยู่ที่รัฐบาลเอาจริงแค่ไหน และต้องรีบเร่งจัดการ เพราะทุกนโยบายของรัฐ โดยเฉพาะนโยบายนี้ ต้องยอมรับว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ ใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน

ว่ากันว่ามีนักการเมืองมีเอี่ยวด้วย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายรังสิมันต์ บอกว่า คอลเซ็นเตอร์ ผมเป็นห่วงจะเป็นแบบนั้น แต่หวังว่าจะไม่เป็นจะไม่เกี่ยว

ส่วยธุรกิจสีเทาอย่างน้อยมี 6-7 ด่าน อาทิ สีเขียว สีกากี สีการปกครอง ที่อยู่นอกแถว ระดับหัวเห็นด้วย ระดับผู้ใต้บังคับบัญชาถึงรับส่วย นายรังสิมันต์ บอกว่า แทบไม่เจอไม่อยากสรุป แต่กังวลว่าคอร์รัปชันมันมากกว่าที่เราคิดเยอะ จนเริ่มไม่ค่อยแน่ใจจะไว้วางใจใครได้บ้าง

ปกติคอร์รัปชันเป็นการ “รวมกันกิน” ถ้าไม่รวมกันโอกาสรักษาสถานภาพการคอร์ปชันต่อไปยากมากๆ ทั้งอันตรายและเสี่ยงติดคุก

ฉะนั้นต้องถามว่าช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำรงตนในสถานะแบบไหน อยากให้ประชาชนช่วยเติมคำตอบในช่องว่าง ทั้งที่มันเป็นปัญหาหลักของประเทศ เม็ดเงินสูญหายผ่านคอร์รัปชันมหาศาล ปัญหาคือรัฐบาลอยากแก้ปัญหานี้หรือไม่ เพราะเมื่อพูดถึงปัญหาคอร์รัปชัน

ถ้าหัวไม่เป็นตัวอย่างที่ดี ส่วนอื่นๆก็ยากที่จะเอาด้วย.

ทีมการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม