ถกวิกฤตชาติ ยุติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นักวิชาการเสนอ ไทยแสดงบทบาทผู้นำปกป้องแผ่นดิน “โรม” ย้ำจัดการตัวการใหญ่ไม่ได้ ปัญหาไม่จบ ตัวแทนเอ็นจีโอห่วงฝั่งปอยเปตค้ามนุษย์แหล่งใหญ่ไม่ถูกแตะต้อง

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 เวทีโต๊ะกลมถกปัญหาและร่วมกันหาทางออกจากวิกฤตการหลอกลวงสู่ “ภัยความมั่นคง” ที่จัดขึ้นโดยไทยรัฐกรุ๊ป ในหัวข้อ “See True ถกวิกฤตชาติ ยุติแก๊งคอลเซ็นเตอร์” ซึ่งเชิญนายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร, รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช คณะศิลปศาสตร์ มธ. นายจารุวัฒน์ จิณห์มรรคา รองประธานมูลนิธิอิมมานูเอล ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์, เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์, พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ รอง ผบก.สอท.1 รรท.สอท.2, นายวรวรรธน์ ขุนทอง บรรณาธิการข่าวสืบสวน ทีม SEE TRUE ไทยรัฐทีวี, นายสันติวิธี พรหมบุตร รองบรรณาธิการข่าว ทีม SEE TRUE ไทยรัฐทีวี โดยมีนายพีรวัฒน์ อัฐนาค เป็นผู้ดำเนินรายการ

นายวรวรรธน์ ขุนทอง เล่าถึงวินาทีระทึกที่ถูกทหารกะเหรี่ยงที่อยู่ริมน้ำเมย ทหารกะเหรี่ยงฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา ชักปืนยิงขู่-ชูนิ้วกลางใส่ ขณะลงพื้นที่รายงานข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม KK Park แหล่งคาสิโนและเป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา

...

นายสันติวิธี พรหมบุตร ระบุว่าจากที่ได้เข้าไปสำรวจในฝั่งปอยเปตมาประมาณ 1 สัปดาห์ทำให้เห็นว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์กระจายไปทั่วในปอยเปตทั้งหมด แม้แต่พ่อค้าแม่ค้าในปอยเปตก็รู้ดี

นายรังสิมันต์ โรม บอกว่า ในส่วนของกรรมาธิการฯ พยายามทำทุกทางที่จะทำได้ ณ วันนี้ อินเทอร์เน็ตมีทั้งเคเบิลใต้ดิน เสากระจายสัญญาณ และดาวเทียม ได้เห็นความพยายามของกสทช.ที่จะตัดสัญญาณแต่หากเป็นเคเบิลใต้ดินเรามองไม่เห็น และไม่รู้ว่าผู้ที่ให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตให้ความร่วมมือแค่ไหน

ถ้ารัฐบาลคุยกับผู้บริหารดาวเทียมสตาร์ลิงค์ ว่าจุดไหนที่มีพวกสแกมเมอร์อยู่ น่าจะช่วยได้อีกทางหนึ่ง เพราะปัญหาใหญ่ขนาดนี้ประเทศไทยแก้ปัญหากันเองไม่ได้ ต้องคุยกับบริษัทระดับโลกอย่างสเปซเอ็กซ์ด้วย

นายรังสิมันต์ เชื่อว่า ตอนนี้สมช.กำลังดูอยู่ว่าจะทำอย่างไรกับ 51 ท่าข้ามระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน จะมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาแต่ละท่าข้ามอย่างไร เพราะบางจุดมันไม่ใช่เพื่อการค้า ต้องมีวิธีการไม่ให้จีนเทาใช้ประเทศไทยข้ามไปในถิ่นที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่แค่เมียนมา แต่มีฝั่งกัมพูชาด้วย ต้องทำเป็นแพ็คเกจ เจ้าของเคเคปาร์คคือแก๊ง 14 เค หัวหน้าใหญ่ถูกเรียกกันว่า “ไอ้ฟันหลอ” ซึ่งทางการจีนมีข้อมูล ทำอย่างไรถึงจะไปจับกุมตัวให้ได้

ที่สำคัญข้าราชการที่ทุจริตคอร์รัปชัน หน่วยงานรัฐต้องมีวิธีป้องกันและปราบปราม ไม่ใช่จะมารอแต่ฝ่ายค้านเป็นผู้เปิดข้อมูลก่อน ปัญหาระดับนี้ต้องร่วมมือกันหลายประเทศเพื่อจะจับตัวการใหญ่ของขบวนการมาให้ได้ ถึงจะทำให้ขบวนการนี้อ่อนแอลง ซึ่งยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

นายรังสิมันต์ ระบุด้วยว่า ส่วนในฝั่งของกัมพูชา ตนยังไม่มั่นใจว่าจะมีวิธีไหนจะสามารถทลายแก๊งสแกมเมอร์ในฝั่งกัมพูชาได้ เนื่องจากที่ปอยเปตเป็นเครือข่ายใหญ่มาก หากจะปราบปรามต้องสร้างความร่วมมือกับรัฐบาลกัมพูชา และสกัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ใช้สัญญาณจากไทยก่อน

“ผมไม่เห็นการให้ข้อมูลจากฝั่งโอเปอเรเตอร์ จะไม่รู้เลยหรือว่าจุดไหนที่มันใช้อินเทอร์เน็ตเยอะ ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ”

เมื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการปรับเปลี่ยนวิธีการ เราก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีป้องกันไปเรื่อยๆ เช่นกัน แต่ทั้งหมดเหมือนที่บอกไว้ หากไม่สามารถทลายรังได้ โอกาสจะปราบปรามสำเร็จจะยิ่งยากขึ้น ตนอยากเห็นวิธีการใหม่ๆ ที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้จริง ต้องทำอย่างเข้มแข็งทุกกระทรวง

เสนอหาเจ้าภาพหลักในแต่ละพื้นที่

ด้าน รศ.ดร.ดุลยภาค กล่าวว่า หน่วยงานรัฐไม่ว่าจะเป็นสำนักข่าวกรอง, อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ตำรวจตระเวนชายแดน กองทัพ ฝ่ายมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ ควรจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการจัดการชายแดน เพื่อรวมบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านชายแดน และตัวแทนจากหลายฝ่าย มาบูรณาการกัน เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลซึ่งกันและกัน ทราบมาว่า ทางเมียนมาเองก็มีกระทรวงกิจการชายแดน หากแต่ละจุดมีเจ้าภาพเฉพาะ ตนเชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาได้

บางพื้นที่อาจจะต้องมีเจ้าภาพไขว้ เนื่องจากเมียนมาเองก็มีหลายกลุ่ม มีความซับซ้อนเยอะ แต่กรณีตัดไฟที่พญาตองซู ตรงข้ามสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี มันเห็นได้ชัดว่า เมื่อถูกตัดไฟ มันได้ผล เพราะทำให้ไฟดับทั้งยวง

แนะไทยแสดงบทบาทคุ้มครองแผ่นดิน

รศ.ดร.ดุลยภาค ยอมรับด้วยว่าการเติบโตของจีนได้ครอบคลุมดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ ชอนไชลงไปทางใต้ มีทั้งจีนขาว จีนดำ แต่สิ่งที่เป็นห่วงก็คือหากจีนอยากจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประเทศไทยควรจะต้องแสดงบทบาทในการแก้ไขด้วย ไม่ใช่ให้จีนเป็นหลักในการนำ ควรให้จีนมาช่วยในระดับที่เหมาะสม

“ต้องมีกลยุทธ์ ปกป้องอธิปไตย และตั้งรับอย่างปราณีต ต้องตรึงสิ่งผิดกฎหมายไม่ให้เล็ดลอด ขณะเดียวกันไทยก็ต้องมีเกมรุกด้วย”

รศ.ดร.ดุลยภาค บอกว่าไม่อยากให้นำประเด็นการแก้ปัญหาที่เล้าก่าย ทางตอนเหนือของเมียนมา มาใช้กับกรณีของชายแดนไทย-เมียนมา เพราะควรจะคิดถึงอธิปไตยของไทยด้วย พร้อมเสนอให้กองทัพประเทศลุ่มแม่น้ำโขงควรประสานความร่วมมือกัน อยากให้ประเทศไทยมีบทบาทมากขึ้นในการจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และกลุ่มที่ผิดกฎหมาย แสดงบทบาทเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองแผ่นดิน

แม้จะแก้ไม่ได้อย่างรวดเร็ว แต่หากตั้งใจจริง ก็เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะไปในทิศทางที่ดีขึ้น พร้อมเสนอให้โน้มน้าวประชาชนในพื้นที่ว่า ที่ต้องลำบากอยู่แบบนี้ ต้องถูกตัดไฟ -น้ำมัน อินเทอร์เน็ต ก็เพราะจีนเทา เพราะฉะนั้นสามารถแจ้งเบาะแสให้ทางรัฐบาลเมียนมา หรือฝั่งไทยได้ “ผมได้ข่าวมาเหมือนกันว่าตอนนี้ ฝั่งเมียนมาจะใช้วิธีตอบไทยด้วยการปิดด่านชายแดน”

แฉ “ปอยเปต” แหล่งใหญ่ค้ามนุษย์

นายจารุวัฒน์ จิณห์มรรคา รองประธานมูลนิธิอิมมานูเอล กล่าวว่า กรณีฝั่งกัมพูชาไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องของค้ามนุษย์ แต่มองว่าเป็นเรื่องเข้าเมืองผิดกฎหมายเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้ เชื่อว่าเป็นเพราะอำนาจเงิน เพราะจีนดำเองจะไม่ทำร้ายคนกัมพูชา ณ วันนี้ ฝั่งกัมพูชา มีเหยื่อค้ามนุษย์ที่เป็นคนไทยไม่ต่ำกว่า 3 พันคน ทางมูลนิธิรู้ แต่ทำอะไรไม่ได้ เคยขอให้ทางการช่วย ปรากฏว่าหัวหน้าขบวนการทำทีถ่ายรูปคนไทยคนดังกล่าว ส่งมาให้ทางการ แต่ไม่ได้ส่งตัวกลับมาไทยจริงๆ กลับนำกลับไปซ้อมทรมานและนำตัวไปอยู่อีกที่หนึ่ง จนถึงวันนี้ตึก 18 ชั้น 25 ชั้นในฝั่งปอยเปตก็ยังทำธุรกิจสีดำตามปกติ หากสวย หน้าตาดีหน่อย จะโดนทั้งค้ามนุษย์และถูกข่มขืนจึงอยากให้ไทยต้องเข้มงวดกับการคัดกรองคนเข้าและออก ทำความเข้าใจให้รู้ว่าที่ข้ามแดนกันอยู่ทุกวันนี้ อีกฝั่งหนึ่งมันมีขบวนการค้ามนุษย์

ตำรวจรับแพลตฟอร์มร่วมมือน้อย

ด้าน พ.ต.อ.ศรายุทธ ระบุว่า ได้เทียบเคียงฐานข้อมูลของตำรวจไทยกับที่ทางการจีนส่งมาให้แล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ คงต้องดูฐานเงินทั้งระบบ ทั้งเงินเข้าและเงินออก ตอนนี้มีบัญชีม้าแถวหนึ่งแล้วไปคริปโตเลย ทำให้ต้องใช้เวลาสืบสวนและติดตามในแต่ละโหนด ระบบต่างๆ ต้องใช้แนวทางการสืบสวนจากบริษัทเอกชน ก็มีทั้งให้ความร่วมมือและไม่ค่อยให้ความร่วมมือ

“ตอนนี้สิ่งที่ตำรวจทุกหน่วยต้องการที่สุด คือชื่อผู้จดทะเบียน ซึ่งเจ้าของแพลตฟอร์มให้ความร่วมมือกับตำรวจน้อยมาก จนทำให้เป็นช่องว่างในการดำเนินคดีกับคนร้าย”