เห็นความคืบหน้าเป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้น นโยบายการผลักดันใช้บัตรโดยสารใบเดียว ให้ครอบคลุมการเดินทางในระบบขนส่งมวลชนสาธารณะได้ทุกรูปแบบ ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ หลังจากที่ล่าสุด ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ผ่านความเห็นชอบวาระรับหลักการจากสภาผู้แทนราษฎร เข้าสู่การพิจารณาวาระ 2
ร่างกฎหมายดังกล่าวมี 54 มาตรา มีสาระสำคัญคือพัฒนาการให้บริการระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ โดยใช้เทคโนโลยีระบบตั๋วร่วมเป็นมาตรฐานกลาง มีสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นผู้มีอำนาจเต็มกำกับดูแลระบบตั๋วร่วม และออกประกาศ ระเบียบข้อบังคับด้านมาตรฐานเทคโนโลยีตั๋วร่วม
ขณะเดียวกันยังมีการตั้งคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม ประกอบด้วยกรรมการไม่เกิน 17 คน มี รมว.คมนาคม เป็นประธาน มีหน้าที่กำหนดนโยบายการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม การพัฒนาระบบตั๋วร่วม และกำหนดหลักเกณฑ์วิธีคำนวณอัตราค่าโดยสารร่วมให้เป็นธรรม เพื่อใช้ในการเดินทางข้ามระบบขนส่งสาธารณะ
นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม เพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้ระบบขนส่งสาธารณะแบบบูรณาการ โดยมีแหล่งเงินทุนจากหลายส่วน ทั้งเงินทุนประเดิมและเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต เงินที่ได้รับจากผู้ให้บริการขนส่งตามสัญญาสัมปทาน
ข้อดีของระบบตั๋วร่วม นอกจากใช้บัตรโดยสารใบเดียวเดินทางได้ทุกระบบขนส่งสาธารณะ ช่วยอำนวยความสะดวก ลดค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนในการเดินทางแล้วยังส่งเสริมให้ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถยนต์ส่วนตัว มาเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น ลดมลพิษและภาวะโลกร้อนตามเป้าหมายรัฐบาลได้อีกทาง
ถือเป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลและฝ่ายค้านต่างเห็นพ้องต้องกัน อภิปรายสนับสนุนในวาระรับหลักการไปในทิศทางเดียวกัน ลงมติสนับสนุนในวาระที่ 1 ด้วยคะแนนท่วมท้น จะเห็นต่างกันก็เพียงรายละเอียดเล็กน้อย ซึ่งสามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขเนื้อหากฎหมายให้สอดคล้องกันได้ในการพิจารณาชั้นคณะกรรมาธิการ วาระ 2
...
สมควรที่รัฐบาลต้องเร่งผ่านกฎหมายให้มีผลบังคับใช้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชน เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะอย่างเท่าเทียมกัน แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายในการเชื่อมโยงเครือข่าย แต่ก็ต้องพยายามเต็มที่ เพราะเป็นหนึ่งในโจทย์ใหญ่ที่ตรงใจประชาชนอยากได้มากสุด.
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม