รมว.อุตสาหกรรม ยัน ปิดโรงงานไทยอุดร ทำตามกฎหมาย ไม่มีเรื่องการเมือง เปิดใจ ถูกตั้งค่าหัวฟันเก้าอี้ รมต. 300 ล้าน เพราะตรวจสอบโรงงานเข้มงวด ไม่มีเกี่ยวโรงงานน้ำตาล เชื่อ “นายกฯ” สนับสนุนทุกเรื่อง
วันที่ 24 ม.ค. 2568 ที่ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์หลังจากที่วานนี้ ได้ชี้แจงกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุดรธานี เนื่องจากถูกอภิปรายว่า เลือกปฏิบัติในการปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดร โดยระบุว่า การปิดโรงงานดังกล่าวไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากกระทรวงอุตสาหกรรม มีมาตรการรับอ้อยเผาไม่เกิน 25% ต่อวัน ซึ่งได้ส่งหนังสือเตือนไปยังหกโรงงานก่อนหน้านี้แล้ว แต่โรงงานไทยอุดร ไม่ได้ปฏิบัติตาม มียอดการรับอ้อยเผาสูงถึง 40% ถึง 50% ต่อวัน รวมประมาณ 400,000 ตัน ในวันนั้น จึงทำให้ต้องใช้มาตรการปิดโรงงาน
นายเอกนัฏ ยังได้เปิดเผยตัวเลขการรับซื้ออ้อยเผา ของโรงงานน้ำตาลทั้ง 58 โรงทั่วประเทศ จากเกณฑ์ 25% เหลือ 11% วานนี้ ถือเป็นยอดต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่ก่อนหน้านี้โรงงานเคยรับในอัตรา 60-30% ตามลำดับ ซึ่งเป้าหมายในปี กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งไว้ให้มีค่าเฉลี่ยไม่เกิน 15% ตลอดฤดูกาลเก็บเกี่ยว จะช่วยรักษาพื้นที่ไม่ให้ถูกเผา รวม 1.5 ล้านไร่ จะช่วยลดปริมาณของฝุ่น PM2.5 แม้ว่าการเผาอ้อย อาจจะไม่ใช่สาเหตุหลักในการเกิดฝุ่น แต่ตนในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม มีกฎหมาย พ.ร.บ.อ้อยน้ำตาล ที่สามารถควบคุมกิจกรรมดังกล่าวได้ จึงอยากจะช่วยการระบายคนละมือและเป็นต้นแบบในการลดปัญหา ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยตัวเลข 11% ที่ลดลงมา นายเอกนัฏ ไม่ได้มองว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูจากการปิดหลายๆ โรงงาน แต่ตนทำตามกฎหมายที่กำหนดไว้
...
ส่วนการชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรวานนี้ ว่ามีการค่าหัวจากกลุ่มอุตสาหกรรม จำนวนเงิน 300 ล้านบาท เพื่อโยกย้ายตนออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ระบุว่า เป็นการยกตัวอย่างที่ตนอยากจะพูดถึง เพราะไม่ใช่แค่การปิดโรงงานน้ำตาล แต่โรงงานอื่นที่ผลิต ขายสินค้าไม่ได้มาตรฐานตนก็ดำเนินการตรวจสอบ จากนั้นก็มีการวิ่งเต้นแก้ไขผลตรวจกับข้าราชการของกระทรวง แต่ไม่เป็นผล เพราะตนกำชับความตรงไปตรงมาของการทำงาน ซึ่งคิดว่าอาจจะไปทำงานเหยียบเท้าใครบางคน เลยมีการตั้งค่าหัวดังกล่าวเกิดขึ้น โดยย้ำว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับโรงงานน้ำตาล
นายเอกนัฏ ยังตอบอีกว่า ตนไม่กังวลเรื่องการตั้งค่าหัว เงินสกปรกของพวกเขาไม่มีอำนาจในการตัดสินใจของรัฐบาลไทย ตนก็มั่นใจว่าการทำหน้าที่ของตน ได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีในทุกเรื่อง