สมาชิกวุฒิสภามีอำนาจหน้าที่สำคัญ 2 ประการคือ 1,อำนาจลงมติเห็นชอบแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องได้รับเสียงเห็นชอบจาก สว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา 200 คน

2,อำนาจเห็นชอบให้บุคคลดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ ตั้งแต่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการ ป.ป.ช. กรรมการ กกต. กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ฯลฯ

ใครจะได้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. กกต. ฯลฯ จะต้องผ่านไฟเขียวจากกลุ่ม สว.สีน้ำเงินที่ครองเสียงข้างมากเบ็ดเสร็จในวุฒิสภา

เมื่อวานซืนที่ประชุมวุฒิสภา ได้ลงมติเห็นชอบให้ “นายประภาศ คงเอียด” อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. คนใหม่ ด้วยคะแนนเห็นชอบ 173 เสียง ไม่เห็นชอบ 6 เสียง

และมี สว.งดออกเสียงอีก 11 คน

ด้วยพลังผลักดันจาก สว.สีน้ำเงิน ส่งผลให้นายประภาศ ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. คนใหม่ แทน พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ ซึ่งพ้นตำแหน่งเพราะอายุครบ 70 ปี

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าคิวต่อไป สว.ชุดสายสีน้ำเงิน จะต้องลงมติเห็นชอบให้บุคคลดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. ที่ว่างลงอีก 3 คน

เพื่อเสียบแทน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. นาง สุวณา สุวรรณจูฑะ และ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งครบวาระตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา

ปรากฏว่ามีผู้สมัครรับการสรรหา เป็น ป.ป.ช. ชุดใหม่ 34 คน

แต่จะมีเพียง 3 คน ที่จะผ่านด่าน สว.สีน้ำเงิน ได้ดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช. ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

“แม่ลูกจันทร์” กวาดตาดูรายชื่อผู้สมัครรับการสรรหาเป็น ป.ป.ช.ชุดใหม่ทั้ง 34 คน

พบว่ามีผู้สมัครจากสายอัยการมากถึง 8 คน

มาจากสายผู้พิพากษา 5 คน มาจากอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด 3 คน อดีตปลัดกระทรวง 1 คน และอดีตอธิบดีอีก 3 คน

...

มาจากอาชีพทนายความ 6 คน มาจากผู้บริหารภาคเอกชน 4 คน

และมาจากอดีตบิ๊กตำรวจ 3 คน เช่น พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง อดีตผู้บัญชาการ ตร.นครบาล ซึ่งได้รับการสรรหาเป็น ป.ป.ช.ครั้งแรก

แต่ไม่ผ่านความเห็นชอบจาก สว.ลากตั้ง ชุดที่เก็บฉากไป

ทำให้ พล.ต.ท.ธิติต้องลงสมัครล้างตาอีกครั้งให้หายคาใจ

“แม่ลูกจันทร์” ประเมินว่าผู้สมัครจากสายอัยการที่แห่ลงสมัครถึง 8 คน น่าจะมีอดีตอธิบดีอัยการติดโผ ป.ป.ช. ด้วย 1 คน??

เช่นเดียวกับ “สายผู้พิพากษา” ที่ลงสมัครรับการสรรหาถึง 5 คน

ก็น่าจะผ่านช่องแคบมะละกาเข้ามาได้ซัก 1 คน

อย่างไรก็ดี “แม่ลูกจันทร์” พบชื่อผู้สมัครที่ฮอตที่สุดในบรรดาผู้สมัคร ป.ป.ช. ทั้ง 34 คน

เขาคือ นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ อดีตผู้ว่าฯสิงห์บุรี ปัจจุบันเป็นรองปลัดมหาดไทย

ผู้เพิ่งลงนามคำสั่งเพิกถอนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ 444 ไร่ ของตระกูลชินวัตร กลับไปเป็นของวัดธรรมิการาม ตามพินัยกรรมของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา

ต่อมาที่ดินแปลงดังกล่าวถูกขายต่อให้ตระกูลชินวัตร เมื่อปี 2540

ก่อน “อดีตนายกฯทักษิณ” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 4 ปี

สรุปว่าคดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่ยืดเยื้อมา 27 ปี ก็จบลงด้วยคำสั่งเพิกถอนของนายชำนาญวิทย์ รองปลัดมหาดไทย

ผลงานเปรี้ยงปังอย่างนี้ น่าจะได้นั่งเก้าอี้ ป.ป.ช.นะโยม.

"แม่ลูกจันทร์"

คลิกอ่านคอลัมน์ “สำนักข่าวหัวเขียว” เพิ่มเติม