รายได้หลักที่ทำให้เศรษฐกิจไทยยืนอยู่ได้ในทุกวันนี้คือการท่องเที่ยว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่รัฐบาลมุ่งเน้นไปที่เรื่องนี้ในทุกมิติ
ปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35,321,592 คน ที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ในจำนวนนี้จากจีนมากที่สุด 6,502,554 คน
ปี 2568 ตั้งเป้าตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนจะมากถึง 9 ล้านคน ซึ่งจะสร้างรายได้ 5.5 แสนล้านบาท ดังนั้นจึงต้องบริหารจัดการให้เป็นไปตามเป้าหมายนี้ให้ได้
นี่คือความสำคัญและละเอียดอ่อนมาก
เพราะสภาพเศรษฐกิจไทยนั้นยังประสบปัญหาจึงอยู่ในภาวะที่ยังไม่ฟื้นตัว ยิ่งไปกว่านั้นการที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” จะขึ้นเป็นผู้นำของสหรัฐอเมริกาคนใหม่ โดยจะทำพิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค.68 นี้ ซึ่งจะทำหน้าที่อย่างเป็นทางการ
นั่นแหละคือวันเริ่มต้นนโยบายใหม่ของสหรัฐฯที่มีผลทั้งระบบต่อโลกนี้
ปัญหาใหญ่คือการเปิดสงครามการค้ากับจีนเป็นหลักด้วยการตั้งกำแพงภาษี 60% และประเทศอื่นๆราว 10%
ย่อมเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนและประเทศต่างๆทั่วโลก
จีนคงต้องเจอศึกหนักในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันก็ไม่ค่อยจะดีนัก
ด้วยปัจจัยต่างๆเหล่านี้ย่อมส่งผลให้นักท่องเที่ยวเกิดปัญหาการจะเดินทางไปเที่ยวประเทศต่างๆเหมือนแต่ก่อนคงทำไม่ได้แล้ว
จะไปไหนก็ต้องวางแผนและมีความคุ้มค่าที่สุด!
เมื่อเป็นอย่างนี้การที่ไทยวาดหวังจะได้นักท่องเที่ยว 9 ล้านคน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลและ ททท.จะต้องปรับแผนเพื่อรองรับความแปรผันนี้ใหม่
วันนี้ไทยกำลังเกิดปัญหาความปลอดภัยเมื่อดาราจีน “ซิงซิง” ที่ถูกหลอกไปทำงานที่เมียนมา โดยผ่านเส้นทางประเทศไทย
ทำให้คนจีนมีความรู้สึกกังวลต่อความปลอดภัยจึงงดมาเที่ยวประเทศไทยในช่วงตรุษจีนทำให้เกิดปัญหา
...
ส่งผลต่อยอดนักท่องเที่ยวลดลงทันที!
นี่เป็นเรื่องสำคัญแม้จะเป็นเรื่องระยะสั้นๆแต่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้คืนกลับมา
โดยรัฐบาลไทยได้มีการหารือกับการท่องเที่ยวฯ และสั่งการให้สำนักงาน ททท. ทั้ง 5 แห่งในจีนเพื่อจัดทำโปรโมชันพิเศษเพื่อดึงดูดใจในการเข้ามาเที่ยวในไทยเบื้องต้นก่อน
แต่นั่นยังไม่พอ...
เพราะแม้ว่านักท่องเที่ยวจีนที่เคยมาเที่ยวไทยนั้นย่อมรู้จักประเทศไทยอยู่แล้วว่าเป็นประเทศที่มีความพร้อมทุกอย่าง คนไทยนั้นยิ้มง่ายและมีไมตรีจิตอยู่แล้ว
แต่ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมานอกจากเป็นปัญหาภายในที่รัฐบาลต้องแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก
เพื่อแสดงให้เห็นว่าเมืองไทยนั้นมีความปลอดภัยไม่ใช่เมืองเถื่อน
ดังนั้นรัฐบาลจะต้องทำการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ไปในช่องทางที่จะทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้รับรู้ว่าเมืองไทยนั้นปลอดภัยจริงๆ
เหตุที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเท่านั้น
แต่ในประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาอย่างที่เกิดความรู้สึกหวาดกลัว
ต่างๆเหล่านี้ก็เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้คืนกลับมาซึ่งไม่ใช่เพื่อผลระยะสั้นๆเท่านั้น แต่เพื่อผลระยะยาวเพื่อให้เปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่
อย่าให้เรื่องนี้เป็นจุดพลิกผันด้านการท่องเที่ยวของไทย
นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต้องมีแอ็กชันมากกว่า ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นเรื่องรูทีนธรรมดาโดยให้รัฐมนตรีและผู้รับผิดชอบด้านการท่องเที่ยวแก้ปัญหาโดดๆ
อย่า “ทุบหม้อข้าว” ตัวเองเพราะความประมาทเป็นอันขาด!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม