อย่างที่เป็นข่าวใหญ่ไปแล้วเมื่อ 2 วันก่อน และเพื่อนๆคอลัมนิสต์ของผมหลายคนที่ทราบข่าวนี้ได้เขียนถึงแล้วเมื่อวาน...ว่ารัฐบาล “ฉลุย” อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ. “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” หรือการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงแบบครบวงจรที่จะมี “บ่อนกาสิโน” ด้วย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผมเขียนทีหลังเพื่อนก็ดีไปอย่าง เพราะมีโอกาสได้อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม และรับรู้รับทราบถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังบางประการ
โดยเฉพาะข่าวพาดหัวของไทยรัฐ กรอบล่วงหน้าของวันพุธที่ 15 มกราคม 2568 ที่ผมบอกรับเป็นสมาชิกกับ “อาบัง” คนขี่มอเตอร์ไซค์ส่งหนังสือพิมพ์ประจำหมู่บ้านที่พาดหัวตัวยักษ์ไว้ว่า “ครม.ฉลุยอนุมัติหลักการทำกาสิโนโกยปีละ 2 แสนล้าน”
พร้อมกับพาดหัวตัวรองขยายความเพิ่มเติมว่า “ยกสิงคโปร์เศรษฐกิจกระเตื้อง...ใช้แก้ปัญหาพนันผิดกฎหมาย...สภาพัฒน์ติงภาพลวงตาไม่ก่อเกิดผลผลิตแท้จริง กระทบด้านลบต่อสังคม”
โดยส่วนตัวผมเองไม่สนับสนุนนโยบายเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของกาสิโน ผมเขียนคัดค้านมาโดยตลอด ไม่ว่าจะมีการเสนอโดยรัฐบาลชุดไหนก็ตาม
แต่ก็เข้าใจและยอมรับในกติกาของระบอบประชาธิปไตยเมื่อพรรคที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้นำนโยบายนี้มาเป็น 1 ในนโยบายหลักที่เสนอต่อรัฐสภา และรัฐสภาได้ยกมือยอมรับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว....ก็เป็นภาระหน้าที่ที่รัฐบาลนี้จะต้องปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้
ผมอยู่ในข้างไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้จึงไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ แม้ตัวเองจะเขี้ยวเล็บกร่อนไปมากแล้ว...รวมทั้งสมองก็เฉื่อยชาไปมากตามประสาผู้สูงอายุที่ย่อมจะต้องเสื่อมถอยไปตามวัย ไม่สามารถจะออกความเห็นแย้งหรือถกเถียงได้ด้วยตนเอง
แต่ผมยังโชคดีที่ไม่เป็นอัลไซเมอร์ ยังสามารถอ่านหนังสือเป็นเล่มๆได้ อ่านบทความเป็นปึกๆได้ รวมทั้งยังฟังคำพูดจาปราศรัยคำอธิบายหรือการแสดงปาฐกถาต่างๆได้
...
อ่านแล้วฟังแล้วก็ยังพอจะสรุปได้ว่าความคิดความเห็นของผู้สันทัดกรณีของผู้เชี่ยวชาญของผู้เกี่ยวข้อง หรือของนักวิชาการใดๆบ้างที่น่ารับฟังน่านำไปคิดต่อวิเคราะห์ต่อเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลกำลังจะดำเนินการ
ดังนั้น เมื่ออ่านรายงานข่าวของไทยรัฐ ในส่วนที่ว่า สภาพัฒน์ ได้ท้วงติงโครงการที่ว่านี้เป็นลายลักษณ์อักษรไว้ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ซึ่งตรงกับความคิดและความเชื่อของผม ผมจึงขอทำหน้าที่คัดลอกมาไว้ ณ คอลัมน์นี้อีกครั้งหนึ่ง--ดังต่อไปนี้
“1.สภาพัฒน์เห็นว่าการดำเนินธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรควรมุ่งเน้นการท่องเที่ยว เพื่อสันทนาการสำหรับครอบครัวที่ประชาชนได้ประโยชน์ ส่วนธุรกิจที่สุ่มเสี่ยง อาทิ กาสิโน ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง และให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
2.เงินจากการพนันมีลักษณะเป็น “เงินโอน Transfer” จะไม่ถูกนำมาคำนวณเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เนื่องจากไม่ทำให้เกิดผลผลิต (Production) ดังนั้น ธุรกิจกาสิโนอาจไม่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจมากเท่าที่คาดการณ์ไว้
3.ควรเน้นการพัฒนาพื้นที่ส่วนใหญ่ในกิจกรรมตามบัญชีแนบท้าย ร่าง พ.ร.บ.เป็นลำดับแรก
4.ธุรกิจกาสิโนเป็นธุรกิจที่มีนัยต่อการพัฒนาประเทศในหลายมิติ โดยเฉพาะผลกระทบด้านลบต่อสังคม ที่หลายภาคส่วนยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน”
ขอบคุณท่านเลขาธิการสภาพัฒน์ที่ได้เขียนประโยคต่างๆทั้ง 4 ข้อนี้ไว้ เพื่อเป็นการติงเตือนรัฐบาลให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบต่อไป
ส่วนรัฐบาลจะเชื่อมากน้อยแค่ไหน ก็แล้วแต่รัฐบาลซึ่งรับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดินว่าจะนำไปพิจารณาต่อหรือไม่?
ในฐานะข้าราชการประจำ จะทำอะไรมากกว่านี้คงไม่ได้ แค่เพียงเท่านี้ผมก็ถือว่าท่านและเพื่อนร่วมงานของท่านได้ทำหน้าที่ “สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” อย่างสมบูรณ์แล้ว
ขอบคุณอีกครั้งที่ยังรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของสภาพัฒน์ไว้อย่างครบถ้วน ขอให้ตกนํ้าไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้นะครับท่านเลขาธิการ.
"ซูม"
คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม