แค่เริ่มต้นปี 2568 แม้พื้นผิวดูราบเรียบแต่ลึกลงไปไม่ต่างไปจากคลื่นใต้น้ำที่พร้อมจะซัดสาดทำให้เกิดความแปรปรวนได้ทุกเมื่อ นั่นคือสภาพการณ์ของประเทศไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
แค่หยิบจับประเด็นที่เป็นความเห็นของประชาชนก็พอจะจับทิศทางและความเป็นไปที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
สำนักโพลแห่งหนึ่งได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน ว่าด้วยเรื่องหัวหน้าพรรคการเมืองที่จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีปรากฏผลออกมา
อันดับ 1 คือ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน
อันดับ 2 “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
อันดับ 3 “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
อันดับ 4 “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
จะเห็นว่าพรรคประชาชนหลังจากเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่จาก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายณัฐพงษ์แล้วความนิยมในตัวพรรคค่อนข้างจะลดลงเนื่องจากความต่างในตัวบุคคลที่นำพรรค
นักข่าวทำเนียบให้ฉายาหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า “เท้งเต้ง” อันหมายถึงว่าลอยไปลอยมาไม่เป็นหลักให้พรรคได้
ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับและพยายามที่จะปรับปรุงด้วยการทำงานหนักขึ้นเคลื่อนไหวมากขึ้น โดยเฉพาะการแสดงความเห็นทางสาธารณะ
จนถึงวันนี้สามารถที่จะเข้าถึงมากขึ้นอยู่ในสายตาของประชาชนมากขึ้น ทำให้เรตติ้งในตัวเขาเพิ่มมากขึ้นจนได้พุ่งขึ้นมาอันดับ 1
ต่างกับ “อิ๊งค์” นายกรัฐมนตรี ที่น่าจะได้รับความนิยมสูงขึ้นเพราะเป็นถึงผู้นำประเทศมีคนช่วยปกป้องคุ้มครองและผลักดันเป็นแผง
โดยเฉพาะ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้พ่อที่ช่วยทุกอย่างแต่ก็ได้เพียงอันดับ 2 เท่านั้น แสดงว่าประชาชนยังไม่มีความเชื่อมั่นมากนัก
...
หรือเป็น “พ่อ” นี่แหละทำให้ภาวะผู้นำถูกลดทอนลงไป!
นายกรัฐมนตรีตัวจริงถูกนายกรัฐมนตรี (เงา) บดบังรัศมีหมดก็ได้
“พีระพันธุ์” เป็นรัฐมนตรีพลังงานที่หุ้นดีดขึ้นมาอย่างน่าจับตามองที่สุดเพราะประชาชนค่อนข้างจะพอใจ
ไม่ใช่ผลงานแต่เป็นเรื่องจุดยืนจนเชื่อว่ามีความซื่อสัตย์สุจริตที่น่าจะเป็นผู้นำประเทศ อีกทั้งฝ่ายอนุรักษ์นิยมมุ่งหวังที่จะให้เขาเป็นผู้นำในฝ่ายนี้มากกว่าคนอื่นๆ
จึงไม่แปลกที่มีข่าวว่าเขาจะถูกปลดออกจากตำแหน่งถึงขั้นเอาพรรครวมไทยสร้างชาติออกจากรัฐบาล
ในข้อหาเด่นดังกว่าหัวหน้ารัฐบาล...
อีกคนคือ “เสี่ยหนู” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและรัฐมนตรีมหาดไทย มาอันดับ 4 ที่น่าสังเกตอยู่อย่างคือผลโพลไม่ว่าสำนักไหน “อนุทิน” ไม่ค่อยจะมีชื่อเด่นดังเท่าใดนัก
แต่ในทางการเมืองที่เป็นจริงนั้นเขาและภูมิใจไทยมีบทบาทและมีดุลอำนาจมากที่สุดแต่ไม่ค่อยจะอยู่ในสายตาของประชาชนเท่าใด
ถึงขั้นว่าเขานี่แหละจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปด้วยซ้ำ!
คล้ายกับว่าประชาชนไม่ให้ราคาเพราะความที่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะประนีประนอมและเอาใจคนอื่นมากกว่า
จึงเสียความเป็น “ผู้นำ” ในตัวเอง
4 คีย์แมนสำคัญทางการเมืองของประเทศไทยที่จะมีโอกาสขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ ซึ่งจะต้องช่วงชิงกันในการเลือกตั้งต่อไป
วันนี้ “แพทองธาร” ขึ้นไปอยู่บนบัลลังก์เมฆแล้วแต่จะรักษาเอาไว้ได้หรือไม่??? อีก 3 คนในฐานะผู้ท้าชิงจะผงาดขึ้นมาแทนที่ได้หรือไม่?
ปี 2570 ได้รู้กัน!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม