“ชวน หลีกภัย” สวน “ทักษิณ” ไม่ได้เล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ ยอมรับเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าไม่โกง ไม่ซื้อเสียง ซื่อสัตย์ ยึดกฎหมาย ยันไม่ใช่แค้นส่วนตัว ชี้ต้นเหตุไฟใต้ ใช้นโยบายผิด ไฟคุกว่า 20 ปี
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 9 มกราคม 2568 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตนายกรัฐมนตรีและกล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย ระบุพาดพิงถึงคนสูงวัยแต่ยังสมัครเป็น สส. ว่า ตนสมัคร สส.เมื่ออายุครบ เป็นผู้แทนอายุน้อย สมัยนั้นมีตนและนายอุทัย พิมพ์ใจชน และได้เป็น สส.พร้อมกับบิดาของนายทักษิณ และเป็นต่อเนื่องมาทุกสมัยจนถึงปัจจุบันรวม 17 สมัย ตนไม่ได้เข้ามาเพื่อธุรกิจ ครั้งที่ตัดสินใจเลือกมาเป็นผู้แทนฯ ตนมีทางเลือกว่าจะเป็นผู้พิพากษา หรืออัยการหรือไม่ ซึ่งในเพื่อนรุ่นเดียวกันเกือบทั้งหมด 130 กว่าคนต่างเป็นผู้พิพากษา อัยการ ประธานศาล องคมนตรี มีตนเพียงคนเดียวที่ตั้งใจเป็นนักการเมือง เพื่อจะได้ทำงานเป็นปากเสียงให้ประชาชน จนผู้ใหญ่ในเวลานั้นมองว่า ตนคิดสั้น เพราะตนคิดว่า หากเป็นผู้พิพากษาก็สามารถให้ความยุติธรรมช่วยชาวบ้านได้ แต่เป็นนักการเมือง เราออกกฎหมายสามารถช่วยชาวบ้านได้มากกว่า ก็เลือกทางนี้ ดังนั้น การเข้ามาทำงานการเมืองจึงไม่ได้หวังผลเพื่อดูแลธุรกิจ เพราะไม่ได้มีธุรกิจที่จะต้องปกป้อง หรือเอาประโยชน์ให้ครอบครัว
“เมื่อผมเป็นผู้แทนฯ มาต่อเนื่อง ความคิดว่าอายุมากแล้วให้เลิก ไม่ได้คิด คิดแค่ว่ายังทำงานได้อยู่ ถ้าผมทำธุรกิจแล้วได้กำไร แล้วเลิกนั้นก็เรื่องหนึ่ง แต่นี่อายุมากแล้ว ยังทำงานได้อยู่ และในสภาฯ นี้คนที่อายุมากที่สุดไม่ใช่ผม คนที่อายุมากที่สุด คือ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และรองมาคือ นายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งล้วนเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพทั้งคู่ ท่านอาจไม่ได้ทำงานเท่าผม แต่เป็นผู้ใหญ่ที่อายุมากแล้วยังสมัคร สส.อยู่ อยากจะบอกว่ามีอีกสองคนซึ่งอยู่ในพรรคของท่านอายุมากกว่าผม และท่านก็ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง ผมเป็นผู้แทนฯ ก็มีประโยชน์ตรงที่บางเรื่องคนรุ่นใหม่ไม่ทราบ นายทักษิณก็บอกว่า เขาคือนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ผมเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ไม่โกง ไม่ซื้อเสียง ยึดมั่นหลักระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และระบบรัฐสภา ซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือหลักกฎหมาย” นายชวน กล่าว
...
นายชวน กล่าวต่อว่า ทุกอย่างที่ให้สัมภาษณ์ ตนไม่เคยอาฆาตแค้นนายทักษิณส่วนตัว และเคยพูดเตือนครั้งหนึ่งว่า ถ้านายทักษิณทำประเทศเหมือนธุรกิจตัวเอง ทำอะไรไม่ถูกต้อง ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่ เคยพูดเมื่อ 17-18 ปีที่แล้ว ก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แน่นอนที่สุดใครก็ตามทำอะไรไม่ถูกต้องกับบ้านเมืองจะมีปัญหา และขอยืนยันว่า ตนยังอยู่ทำหน้าที่ปกติ ยังพอมีความจำอยู่ ยังไม่ถึงขั้นความจำเลอะเลือน หรือจำอดีตไม่ได้ อาจไม่ปราดเปรื่องเหมือนคนรุ่นใหม่ แต่สิ่งที่รู้ในอดีตยังจำได้ เช่น เรื่องไฟใต้ บางเรื่องกองทัพไม่มีข้อมูล ถ้าอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้นโยบายจัดการให้ได้เดือนละ 10 คน ต้นเหตุของความไม่สงบในสามจังหวัดภาคใต้ก็ให้ไปถาม พล.ท.เรวัต รัตนผ่องใส อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นคนเดียวที่บอกว่าเป็นเรื่องแบ่งแยกดินแดน ทำได้ยาก วันนี้ พล.ท.เรวัต ไม่มีโอกาสได้เป็นแม่ทัพภาค ทหารควรยกย่องคนเช่นนี้เป็นวีรบุรุษ เพราะกล้าคัดค้านสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คนรุ่นใหม่รู้แค่ว่า เหตุการณ์ปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็ง ที่ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 คนร้ายได้ปืนไป 413 กระบอกที่นำมาใช้ก่อเหตุจนถึงทุกวันนี้ แต่ต้นเหตุแท้จริงคือการใช้นโยบายที่ผิดเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2544 ที่รัฐบาลนายทักษิณใช้การเก็บ โดยมีตำรวจบางส่วนทำงานให้ จึงหวังว่า สักวันจะมีนายตำรวจที่รู้เห็นเรื่องเหล่านี้ออกมาพูดความจริงกับสังคม