“นายกฯ แพทองธาร” ตรวจราชการภูเก็ต สั่งการ-ติดตามงาน กำชับโครงการไหนอนุมัติแล้วต้องจบเร็ว ย้ำปราบผู้มีอิทธิพลให้คนรู้สึกปลอดภัย หนุนเต็มที่ดึงนักท่องเที่ยวลักชัวรี แวะดูพะยูน “บุญลอด” โชว์พุง หาดบางขวัญ พังงา ต่อด้วยดูอ่างเก็บน้ำสมัย “ทักษิณ”
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 มกราคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต จากนั้นนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมบูรณาการการแก้ปัญหาพื้นที่ภูเก็ต รองรับการเติบโตของการท่องเที่ยว แนวทางการแก้ปัญหาด้านระบบโครงสร้างพื้นฐาน และการผลักดันภูเก็ตเป็น Premium Destination และการรองรับกิจกรรมขนาดใหญ่ (Big Event) ณ ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง
จากนั้น นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รายงานเนื้อหาสรุปว่า จังหวัดภูเก็ต มีแนวทางการแก้ปัญหาการจราจรในพื้นที่ โดยมีโครงการจะนำระบบเอไอ (AI) มาควบคุมไฟจราจรทั้งจังหวัด และอยากให้มีการศึกษารถไฟฟ้ารางเบา แก้ปัญหาการจราจร รวมถึงเสนอแนวทางให้ใช้น้ำจากเขื่อนรัชชประภา มาแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ภูเก็ต รองรับนักท่องเที่ยว รวมถึงแนวทางการบำบัดน้ำเสียและการกำจัดขยะในพื้นที่ภูเก็ต รวมถึงจะพัฒนาแผนการดูแลนักท่องเที่ยวและแนวทางป้องกันเหตุภัยพิบัติ นอกจากนี้จังหวัดภูเก็ตยังจะพัฒนาเรื่องการดูแลสุขภาพ ที่พื้นที่ 6 จังหวัดอันดามัน ไม่มีศูนย์ฉายแสงรักษามะเร็ง ที่ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขให้เครื่องฉายแสงมา แต่ทางจังหวัดต้องจัดสร้างอาคารเอง ซึ่งพื้นที่ได้แล้วแต่ขณะนี้ต้องหางบประมาณสำหรับจัดสร้างอาคาร 5 ชั้นครึ่ง จะใช้งบประมาณ 290 ล้านบาท ตอนนี้รับบริจาคได้ 152 ล้านบาทเพียงพอสำหรับการทำเฟสแรก 2 ชั้นได้แล้ว แต่ในอนาคตหากต้องพัฒนาให้สมบูรณ์แบบอาจต้องของบประมาณจากส่วนกลางเพิ่มเติม
...
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้มาติดตามงาน ปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทย 35 ล้านคน ก่อนช่วงโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวเกือบ 40 ล้านคน ถือว่าใกล้เคียงแล้ว และ 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาที่ภูเก็ต อีกทั้งภูเก็ตในปี 2567 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวมากกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว ถือว่ามีการปรับตัวที่ดี ก็อยากให้โฟกัสเรื่องพรีเมียมการท่องเที่ยว เราอยากสนับสนุนชาวบ้านที่ค้าขายหรือมีธุรกิจส่วนตัว อย่างโบลต์แท็กซี่ หากเอกชนเข้ามาช่วยและรัฐบาลสนับสนุน ก็จะเกิดธุรกิจขนาดใหญ่ กลายเป็นธุรกิจหลักได้อีกอันหนึ่ง
ทางด้านการเดินทางในพื้นที่ภูเก็ต ที่กระทรวงคมนาคมมีแผนงานและอนุมัติงบประมาณไปแล้ว ขอสั่งการให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ และในส่วนของถนนเส้นหลักสาย 402 ที่ระบุว่าระยะทาง 25 กิโลเมตร มีจุดตัดถึง 19 จุด ถ้าปรับปรุงก็อยากให้สื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องส่วนรวม หากปรับแล้วการจราจรดีขึ้น เมื่อนักท่องเที่ยวมาก็จะแฮปปี้และอยู่นานขึ้น รวมไปถึงระบบขนส่งสาธารณะจากสนามบินเข้าเมือง ก็ต้องสื่อสารว่าเมื่อเราปรับตรงนี้ไม่ได้ทำลายอาชีพของใคร แต่เป็นการปรับตัวให้เกิดอาชีพใหม่ ขณะเดียวกันที่เสนอว่าอยากให้มีรถอีวีบัสเข้ามานั้น ก็อยากให้ศึกษาและทำความเข้าใจเพราะไม่ได้หมายความว่าเมื่อเพิ่มตรงนี้แล้วประชาชนที่มีรถส่วนตัวจะเลิกใช้รถ อยากให้พิจารณาให้รอบคอบ ขณะที่เรื่องบริหารจัดการน้ำ ก็อยากเน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าโครงการใดได้รับอนุมัติงบประมาณแล้วก็ขอให้เร่งดำเนินการ รวมทั้งฝากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ศึกษาการนำน้ำมาจากเขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และโครงการอ่างเก็บน้ำลำรูใหญ่ จ.พังงา มาใช้ในภูเก็ตด้วย
นายกรัฐมนตรี ระบุต่อไปว่า สำหรับการท่องเที่ยว เราเน้นย้ำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางของเฟสติวัลขนาดใหญ่ ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวเรารู้ว่าดูแลประชาชนอย่างดีอยู่แล้ว แต่อยากให้มีการประชุมเฉพาะส่วนกันอีกครั้ง เพื่อดูว่ามีอะไรที่ส่วนกลางสามารถสนับสนุนเพิ่มเติมได้ เพราะอยากรับฟังความคิดเห็นและรีเซ็ตระบบใหม่ว่าอะไรที่ใช้มาแล้วต้องปรับเปลี่ยนบ้าง อย่างเช่น การพัฒนาบุคลากร และการนำระบบเอไอมาช่วยงานเพิ่มขึ้น เพราะรายได้ของเราอยู่ที่การท่องเที่ยว เราต้องดูแลตรงนี้
พร้อมเน้นย้ำในเรื่องการปราบผู้มีอิทธิพลว่าเรื่องนี้สำคัญมาก สิ่งผิดกฎหมายที่เกิดขึ้นอยากให้ตำรวจโฟกัสอย่างจริงจัง ไม่อยากให้ประชาชนรู้สึกไม่ปลอดภัย และไปพูดว่าคนมีเงิน คนมีอิทธิพล พอมีปัญหาทุกอย่างก็จบ ประชาชนไม่ได้รับการดูแล ผู้ที่ไม่มีอิทธิพลถูกไล่บี้โดนต่างๆ นานา เรื่องนี้เป็นปัญหาต่อชีวิตประชาชน ตนอยากเน้นย้ำเรื่องกฎหมายให้ใช้อย่างเด็ดขาด ไม่อยากให้ละเว้น ถ้าเราเอากฎหมายมาใช้อย่างจริงจังประชาชนปลอดภัยและเทศชาติมีระเบียบยิ่งขึ้น
ต่อมาเวลา 12.00 น. นายกรัฐมนตรี เดินทางโดยรถตู้โฟล์คทะเบียน 1 นค 9298 กรุงเทพมหานคร ไปยังท่าเทียบเรือยอร์ช เฮเว่น มารีน่า ต.ไม้ขาว อ.ถลาง เพื่อเป็นประธานพิธีเปิดงานแสดงเรือนานาชาติแห่งประเทศไทยและลักชัวรีไลฟ์สไตล์ โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายเดวิด เฮเยอร์ (Mr. David Hayes) ประธานบริษัท เจเอเอ็นดี กรุ๊ป เจ้าภาพจัดงาน ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า วันนี้รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้มาภูเก็ต ได้มาร่วมพิธีเปิดในวันนี้ รัฐบาลเราสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยว ขอเน้นย้ำว่าอยากให้กลุ่มของนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวซึ่งเป็นกลุ่มลักชัวรีมากขึ้น การจัดงานครั้งนี้ตอบโจทย์ เรามีทั้งคนไทยที่มีความสามารถ เรามีอู่ซ่อมและการบริการต่างๆ ที่เพียบพร้อมให้ชาวต่างชาติและคนที่รักในลักชัวรีสไตล์แบบนี้ได้มาใช้ชีวิตในช่วงวันหยุดให้มีความสุขที่ภูเก็ตได้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลอยากสนับสนุนต่อให้เต็มที่ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ตนเคยอยู่ภาคเอกชนมาก่อน จะทราบว่าบางทีการทำธุรกิจอะไรก็ตามจะมีความยุ่งยากในเรื่องการประสานงานกับทางราชการ แต่ในเรื่องการเดินทางทางน้ำและทำธุรกิจทางน้ำรัฐบาลสนับสนุนเต็มที่ ฉะนั้น จึงอยากมาแบ่งเบาความยุ่งยากหลายขั้นตอนตรงนี้ให้กับนักธุรกิจที่ภูเก็ตด้วย ย้ำว่ารัฐบาลสนับสนุนเต็มที่ ผลักดันเรื่องการท่องเที่ยวแบบนี้ให้เติบโตมากขึ้นต่อไป
ขณะที่ในเวลา 13.30 น. ที่ศูนย์เฝ้าระวังพะยูนและสัตว์ทะเลหายาก หาดบางขวัญ ตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ดูการสังเกตการณ์พะยูนที่มีการอพยพมาจากจังหวัดตรัง โดยได้ดูภาพจากถ่ายทอดสดจากโดรนที่กำลังจับภาพพะยูนที่ชื่อ “บุญลอด” กำลังกินสาหร่ายทะเล และหมุนตัวโชว์พุงอยู่ โดยเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช รายงานว่าชื่อบุญลอดนั้น เพราะชอบลอดไปลอดมาใต้สะพานสารสิน และเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 พบว่ามีฝูงพะยูนจากจังหวัดตรัง อพยพมาที่บริเวณนี้หลายสิบตัว แต่หลังจากปีใหม่ 2568 ที่ผ่านมาพบว่ามีพะยูนมากินอาหารบริเวณนี้เพียง 1 ตัว ทั้งนี้ที่เรามีการตั้งชื่อพะยูนด้วย โดยการใช้ระบบโฟโต้ไอดีในการจำแนกอัตลักษณ์ว่าแต่ละตัวชื่อว่าอะไร ซึ่งบริเวณที่พบจุดนี้จะมีชื่อว่า บุญลอด สารสิน พลางนุ่น ทรายแก้ว ซึ่งชื่อที่ตั้งเป็นการอ้างอิงตามสถานที่ที่พบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำนายกรัฐมนตรีไปดูการขยายพันธุ์หญ้าทะเลที่เป็นอาหารของพะยูน รวมทั้งดูการนำผักน้ำทดลองให้พะยูนกิน หากหญ้าทะเลโตไม่ทัน.
ในเวลา 14.30 น. ที่อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง น.ส.แพทองธาร ลงพื้นที่ตรวจติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงได้พบปะทักทายประชาชนที่นำดอกกุหลาบแดงมารอต้อนรับ จากนั้นรับฟังการบรรยายจาก นายฐนันดร์ สุทธิพิศาล รองอธิบดีกรมชลประทาน มีเนื้อหาสรุปว่า จังหวัดภูเก็ต ที่มีจำนวน 3 อ่าง คือ อ่างเก็บน้ำคลองบางเหนียวดำ อ่างเก็บน้ำบางวาด และโครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะทะ ปัจจุบันเก็บน้ำเต็มประสิทธิภาพทั้งหมดแล้ว และอ่างเก็บน้ำคลองบางเหนียวดำ สร้างขึ้นสมัยที่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2546 ใช้งบประมาณจำนวน 600 ล้านบาท จากนั้นจึงเดินไปชมอ่างเก็บน้ำคลองบางเหนียวดำ ซึ่งจะมีการขุดเพื่อทำแก้มลิงบ้านโคกโตนด ที่อยู่ห่างจากบริเวณนี้ไป 8 กิโลเมตร เนื่องจากอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ไม่สามารถขยายได้อีกแล้ว
โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอให้ไปคุยกับกรมชลประทาน แล้วมาเสนอดูว่าทำอะไรได้บ้าง เพราะเป็นสิ่งจำเป็น และหากทำทีละส่วนเวลาผ่านไปทุกอย่างมันก็แพง ทุกอย่างเป็นความเดือดร้อนของประชาชน วัดมูลค่าไม่ได้ จะรอไปก็เท่านั้น ก็ขอให้ไปศึกษาดูว่ามีตรงไหนบ้าง มีการเพิ่มออปชั่นอะไร ตรงไหนสามารถช่วยได้เท่าไหร่ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะถ่ายรูปร่วมกับเจ้าหน้าที่และประชาชน แล้วจึงเดินทางกลับ กทม.