เด็กมีปัญหา ทั้งจี้ เสี้ยม ดักหน้า ดักหลัง

วัยรุ่นฟันน้ำนม “ค่ายส้ม” มายืนก้มๆ เงยๆ รกหูรกตาพี่ใหญ่ “ค่ายแดง”

พรรคประชาชนเซ้าซี้ถามจุดยืนเพื่อไทยปมแก้รัฐธรรมนูญยังเหมือนเดิมหรือไม่ หลังสู้อุตส่าห์ดิ้นรนแผ้วทางประชามติจนเหลือแค่ 2 ครั้ง และยื่นร่างของตัวเองไปก่อนใคร ตามสไตล์แก้ใหญ่ แก้เยอะ สุดโต่งตกขอบ

แม้รู้ดีสุ่มเสี่ยงหักกลาง ไปไม่สุดทาง แต่โคตรเท่ โดนใจได้แต้มแฟนคลับ

ดังนั้น ฉบับขับเคลื่อนของแท้ ส่วนใหญ่มักเป็นของพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล หรือไม่ก็เป็นร่างของรัฐบาลไปเลย

ล่าสุดเพื่อไทยยื่นร่างแก้ไขมาตรา 256 ประกบกับของพรรคประชาชน บนหลักการเดียวกัน เปิดทางให้มี ส.ส.ร.จากการเลือกตั้งทั้งหมด 100% แต่ข้อแตกต่างจากค่ายส้มคือไม่แตะหมวด 1 หมวด 2

ส่วนประเด็นแหลมคมที่วัยรุ่นฟันน้ำนมชงขม เสนอยกเลิกเกณฑ์ใช้เสียง 1 ใน 3 ของ สว.และ 20% ของ สส.ฝ่ายค้าน ในการแก้รัฐธรรมนูญบางมาตรา ปรากฏว่าฉบับเพื่อไทยไม่มี

ไม่ท้ารบเปิดศึกร้อนแรงตั้งแต่ยกแรกเหมือนวัยรุ่นฟันน้ำนม เสี่ยงแท้งก่อนคลอด

รอมชอมกับสภาฟันปลอม ถนอมน้ำใจวัยรุ่น ทรงดูดีมีวุฒิภาวะตลอด เริ่มต้นเป็นลำไม้ไผ่สวยงามทุกรอบ แต่พอเดินไปๆแล้วออกทรงเป๋อยู่เรื่อย

เปลี่ยนแผนเองกลางทางบ้าง หลายครั้งเสียทรงต้องล้มเลิกหรือประสบอุบัติเหตุโดยพรรคร่วมรัฐบาล อำนาจมืด มือที่มองไม่เห็นบ้าง เกมการเมืองเกิดขึ้นระหว่างทางจนชาชิน สุดท้ายคือประเทศชาติเสียเวลาเปล่า

สิ่งที่แทบทุกพรรคการเมืองบกพร่อง ขาดหาย คือความจริงใจ สำนึกรับผิดชอบต่อประชาชน

บางครั้งรู้ทั้งรู้ข้างหน้าเป็นทางตัน ก็ยังกอดคอเดินกันไป

ท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อผลสัมฤทธิ์แก้ไขรัฐธรรมนูญ ถึงชั่วโมงนี้ไม่ได้สลักสำคัญไปกว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ที่จะชี้เป็นชี้ตาย ความอยู่รอดของตัวเองมากกว่า

...

แก้รัฐธรรมนูญเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ไปแล้ว “ค่ายน้ำเงิน” ภูมิใจไทยถือไพ่เหนือกว่ายืนคุมเชิงอยู่

สไตล์ “นายใหญ่จันทร์ส่องหล้า” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้นำจิตวิญญาณค่ายแดงเพื่อไทย ถ้าเลือกได้จะไม่เล่นเกมที่เสียเปรียบ

ยิ่งเพื่อไทยกระเหี้ยนกระหือรือแก้รัฐธรรมนูญมากเท่าไหร่ ค่ายน้ำเงินยิ่งได้ใจเล่นใหญ่ปีนเกลียว ตามจังหวะขบเหลี่ยม “แดง-น้ำเงิน” ล่อกันหัวโนก่อนหน้านี้

“นายใหญ่บ้านจันทร์” เลยสั่งเลิกคลุกวงใน ถอยฉากมาดักเตะวงนอก สอยคืนไปหลายดอกเน้นๆ

ถึงยังไง “ค่ายเซราะกราว” ก็ยังเป็นเป้าใหญ่เบอร์ 1 ที่เพื่อไทยต้องคุมเข้ม

สนาม อบจ.ก็เปิดฟลอร์ล่อเต็มแข้ง “นายใหญ่” จัดเต็มไม่สนพรรคส้มหรือน้ำเงิน

ล่าสุดกลายเป็นกระท้อนไปแล้ว โดนทุบจนหวานพลิ้ว “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถามอะไรไปก็ตอบกลับมาด้วยมธุรสวาจา

ไม่ดื้อจ้า น่ารักจ้า ฟังแล้วจั๊กจี้หู “เสี่ยหนู” หวานเลี่ยนวันละหลายรอบ

“นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เห็นอาการแล้วยังไม่ไหว หลุดขำก๊ากกลางวงแถลงข่าว

“เซราะกราว” เลิกพยศ “นายใหญ่บ้านจันทร์” คุมเชิงอยู่หมัด

ทำไปทำมากลายเป็นรวมไทยสร้างชาติที่ร้าวหนักจากสนิมเนื้อใน “แกนนำ–นายทุน” แตกหัก

ล่อกันหนัก เล่นกันแรงถึงขั้นละเลงข่าวปรับ ครม. ย่อยแยกพรรค หรือกระทั่งปรับออกจากรัฐบาล

ความจริงเป็นโอกาสดีที่เพื่อไทยจะถอนหอกออกไปอีกเล่ม ล้างไม่ให้เหลือคราบไคล 2 ลุง

จะออกสัก 10 คน หรือยกพรรค เสียง สส.ก็ยังเหลือเฟือ เสถียรภาพยังแน่นปึ้ก

แต่เหตุผลสำคัญคือรวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคสายแข็ง สายอนุรักษ์นิยมพันธุ์แท้ มีเครือข่ายมวลชนเดินเกมทำม็อบอยู่นอกสภา

ถ้า “นายใหญ่” บุ่มบ่ามหักด้ามพร้า เท่ากับไปปลุกผี เปิดศึกฝ่ายต้าน

อยู่ในกำกับแบบนี้ไม่มีพิษภัย ไล่ออกไปกลายเป็นมหันตภัยร้าย

เพื่อไทยสามารถคุมเชิงได้ “นายใหญ่” ไม่ปล่อยให้เฉิดฉาย แย่งซีน “นายกฯอิ๊งค์” แน่ นโยบายทำแต้มพลังงานก็ปาดหน้าตีกินรวบ บาลานซ์ได้ทั้ง 2 ฝ่าย “นายทุน–ขุนศึก”

ถ้าไม่แข็งกร้าวจนเสียงานใหญ่ ก็สบายใจให้อยู่ไปแบบนี้.

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม