การเดินสายช่วยหาเสียงการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับนายก อบจ. ตั้งแต่ก่อนหน้านี้คือพวกที่ลาออกก่อนครบวาระและที่ครบวาระซึ่งจะเลือกกันวันที่ 1 ก.พ.68 นั้น

“ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยนั้น วางโปรแกรมไว้เต็มอัตราศึก โดยเฉพาะเหนือ-อีสานซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมาย

ต้องบอกว่าเป็นโอกาสทองที่จะใช้เวทีนี้โชว์เพาเวอร์ได้อย่างเต็มที่

และยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว

อย่างหนึ่งก็คือช่วยผู้สมัครซึ่งเป็นคนของพรรค หากชนะก็จะได้ทำงานในพื้นที่เป็นหูเป็นตาและทำให้ฐานเสียงมั่นคงมากขึ้น

ก็คือเป็นหัวคะแนนเพื่อการเลือกตั้งใหญ่...

อย่างหนึ่งก็คือ “ทักษิณ” สามารถโชว์อำนาจและบารมีให้ปรากฏต่อมวลชน โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญที่เคยยึดครองแต่ตอนหลังถูกพรรคการเมืองอื่นแย่งชิงไปอย่างเชียงใหม่

ที่ “ทักษิณ” ประกาศว่าชนะนายก อบจ.แล้วจะต้องได้ สส.กลับคืนมาทุกเขตด้วยอาศัยความเป็น “ทักษิณ” ที่ต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศถึง 17 ปี

ทำให้ผู้คนหายคิดถึงเพราะได้ตัวเป็นๆกลับมาแล้ว

อย่างหนึ่งก็คือสามารถบอกไกด์ไลน์ให้ทุกคนรู้ว่ารัฐบาล “ลูกสาว” จะดำเนินนโยบายอย่างไร มีอะไรบ้าง

เมื่อประกาศจบรัฐบาลก็นำไปปฏิบัติ

อย่างหนึ่งก็คือการใช้เวทีนี้เพื่อปกป้องรัฐบาล คุ้มครองลูกสาว ชื่นชมว่าลูกสาวทำงานได้ดีมีผลงานปรากฏ

ใครที่เล่นงานด่าทุกวันนี้ก็จะโดนตอบโต้

พูดง่ายๆว่ายกยอลูกสาว ตอบโต้พวกโจมตี!

อย่างหนึ่งก็คือการยกตนข่มคู่แข่งว่าเขามีความเหนือชั้นกว่าและถากถางด้วยคำพูดและยกตัวต่างๆนานา

โดยเฉพาะยิงตรงเป้าไปที่พรรคประชาชนที่ยังไม่เคยได้บริหารประเทศว่าทำงานไม่เป็นดีแต่ด่าในลักษณะนั้น

...

หรือพรรคร่วมรัฐบาลที่ทำท่าว่าจะหาคะแนนเข้าพรรคตัวเองก็ตอกย้ำว่าอย่าทำตัวเป็น “อีแอบ” หรือไม่เช่นนั้นก็ออกโรงเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นในรัฐบาล

ด้วยยก “ลูกสาว” ว่ามีความเป็นผู้นำสามารถบริหารประเทศได้อย่างดี และยังคุมทัพรัฐมนตรีให้บริหารงานตามทิศทางที่กำหนดได้

ที่สำคัญคือการประกาศว่านโยบายของรัฐบาลจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าไฟ การปราบปรามยาเสพติด การนำธุรกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน เป็นต้น

คือทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในตัวลูกสาว รัฐบาล และตัวเขาเอง

เรียกว่าคุ้มค่าเพราะเป็นเวทีหาเสียงที่สามารถพูดได้อย่างกว้างขวาง

ก็เป็นอย่างนี้แหละในทางการเมืองที่จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างความนิยมตามช่องทางที่เปิดให้ อย่างอื่นก็ว่ากันไป แต่เรื่องนี้สำคัญและจำเป็นต้องทำ

ยิ่งหลายพื้นที่ที่เดินสายไปช่วยหาเสียงปรากฏว่าชนะเลือกตั้งด้วย ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นแก่ตัวเอง ลูกพรรคและฐานเสียง

แน่นอนว่าคงไม่ใช่พื้นที่เหนือ-อีสานเท่านั้นแต่พื้นที่อื่นๆ

อย่างที่ปราจีนฯในภาคตะวันออกซึ่งเพื่อไทยแทบจะไม่มี สส.สักคนก็ต้องเริ่มลุยกันใหม่

เพราะเวลานี้ “ทักษิณ” มีมือทำงานซึ่งมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่ “เพื่อไทย” ยังขาดอยู่อย่าง “ธรรมนัส พรหมเผ่า” แม้ไม่ได้สังกัดพรรคเพื่อไทย

แต่ก็มีอิทธิพลทางการเมืองไม่น้อยพร้อมที่จะเป็น “มือทำงาน พิเศษ” แบบถวายหัวให้ “นายเก่า” อย่างนี้

“ทักษิณ” ก็ยิ่งแฮปปี้มากขึ้น

จึงไม่แปลกที่เขาจะวางก้ามโตมากขึ้นเรื่อยๆ!

สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม