ในห้วงส่งท้ายปีเก่า 2567 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จัดอันดับ 10 กรณีคอร์รัปชันแห่งปี 2567 อาทิ การลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษชั้น 14 และนักโทษคดีจำนำข้าว ได้เป็นอิสระเร็วเกินคาด กรณีไฟไหม้รถนำเที่ยวเด็กนักเรียนสูญเสีย 22 ชีวิต แต่ รัฐบาลยังไม่สามารถหยุด “ส่วย-สินบน” ในหน่วยงานรัฐ
กรณีฮุบที่รถไฟเขากระโดง หลักนิติธรรมของประเทศถูกทำลาย เมื่ออิทธิพลนักการเมืองใหญ่เหนือคำพิพากษาศาลฎีกา และศาลปกครองสูงสุด ขณะที่กรมที่ดินและการรถไฟแห่งประเทศไทยก็ยังโยนเรื่องกันไปมา ตีความกฎหมายจนบิดเบี้ยว รวมทั้งกรณีฮุบป่ารุกที่ดิน ส.ป.ก.แต่ไม่สามารถ เอาผิดนักการเมืองได้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม มีภาษิตกฎหมายที่ว่า “กฎหมายอาจหลับบางคราว แต่ไม่เคยตาย” ที่เป็นการบ่งชี้ว่าถ้าผู้มีหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดตรงไปตรงมา กฎหมายก็เหมือนถูกปลุกให้ตื่น แม้อาจต้องใช้เวลาตามกระบวนการเพื่อให้ความยุติธรรมทุกฝ่าย แต่สุดท้ายกฎหมายก็ยังมีความศักดิ์สิทธิ์
อย่างล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดนายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากบุคคลใด กรณีให้บุคคลอื่นชำระค่ารักษาพยาบาลให้แก่ตนเอง ในสมัยเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย
จากการไต่สวนพบว่านายณัฏฐ์ ชนนเข้ารับการรักษาใน รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ระหว่างวันที่ 19-21 ก.ย. และวันที่ 23 ก.ย.– 18 ต.ค.2562 มีค่ารักษาพยาบาล 1,449,223 บาท โดยให้บุคคลอื่นชำระค่ารักษาแทนเป็นเงิน 1,335,778 บาท และนำ ใบเสร็จไปเบิกค่ารักษาจากสำนักงานเลขาธิการสภาฯ เป็นเงิน 495,409.50 บาท
ต่อมานายณัฏฐ์ชนนเสนอแต่งตั้ง 1 ใน 3 บุคคลที่ชำระค่ารักษาพยาบาลแทน เป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ตามคำสั่งสำนักงานเลขาธิการสภาฯ วันที่ 1 ต.ค.2563 ถือเป็นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด มีมูลความผิดทางอาญาตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง
...
โดยให้ส่งสำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐานไปยังอัยการสูงสุดฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเสนอเรื่องการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยต่อไป ถือเป็นอุทาหรณ์ของนักการเมืองที่ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ สุดท้ายก็ไม่รอดคมกฎหมายอยู่ดี.
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม