เริ่มปีใหม่แต่มีหลายเรื่องค้างเก่าที่รัฐบาลจะต้องเผชิญในอีกไม่นานนี้เพียงแต่ช่วงท้ายปีที่ผ่านมาหลายเรื่องถูกดึงเอาไว้คล้ายกับการซื้อเวลา เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายด้วยตัวของมันเอง
ลองนำมาแบดูเป็นเรื่องๆ ไป อย่างปัญหาเอ็มโอยูระหว่างไทย-กัมพูชา การตั้งคณะกรรมการเจรจา (เจทีซี) ก็ยังไม่มีการเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นกรรมการ ทำให้เรื่องราวต่างๆหยุดพักไว้ชั่วคราว
เพราะเป็นเรื่องใหญ่
เนื่องจากถูก “ขาประจำ” ตามจิกให้ยกเลิกและประกาศว่าหากไม่สนองความต้องการก็พร้อมจะปลุกม็อบลงถนน
ทางที่ดีจึงชะลอเอาไว้ก่อนดีกว่า!
ที่น่าจะเข้าเนื้อมากก็คือเรื่องชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่ง “ทักษิณ ชินวัตร” ได้เข้ารักษาตัวทำให้ไม่ต้องนอนเรือนจำ
เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนที่ ป.ป.ช.กำลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่าประพฤติมิชอบหรือเนื่องจากเป็นการช่วยเหลือเป็นลักษณะอภิสิทธิ์ชน
แม้จะไม่เกี่ยวกับ “ทักษิณ” แต่หากพบว่าผิดจริงก็จะเกิดปัญหา 3 ส่วน
1.เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบ
2.“ทักษิณ” ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญ
3.รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ซึ่งจะต้องร่วมรับผิดชอบด้วยเนื่องจากปล่อยให้เจ้าหน้าที่รัฐประพฤติมิชอบ
อีกเรื่องที่ กกต.กำลังสอบสวนหลังจากพบมีมูลความผิดกรณีที่ “ทักษิณ” ครอบงำพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลชุดนี้
หากพบว่ามีความผิดจริงก็โดนกันระนาวแน่ทั้ง “ทักษิณ”-“ลูกสาว”-“รัฐบาล”-“เพื่อไทย” งานนี้ต้องบอกว่าเป็น “งานช้าง” ก็ว่าได้
เพราะหมายถึงว่า “เพื่อไทย” จะต้องถูกยุบด้วย...
แต่คงจะนานหน่อย เพราะต้องผ่านขั้นตอนของ กกต. แล้วยังต้องผ่านการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วย
...
หรือแม้แต่เรื่องที่ดูจะเล็กๆ แต่รัฐบาลก็ต้องเจอแน่คือ การที่ชาวประมงไทยถูกเมียนมาจับไปและตั้งข้อหารุกน่านนํ้าและมีชนกลุ่มน้อยเกี่ยวข้องด้วย โดยศาลเมียนมาได้สั่งลงโทษข้อหาหนักพอสมควร
รัฐบาลบอกว่าต้นปีใหม่จะได้รับการปล่อยตัว เพราะได้รับการอภัยโทษ แต่ถึงวันนี้แล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รับการปล่อยตัว
นี่ยังไม่ได้บวกเรื่องที่ “ว้าแดง” บุกรุกเขตแดนไทยที่รัฐบาลยังแก้ไขไม่ได้
ล่าสุดยังมีเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเงียบๆทำท่าว่าจะหมดทางไปแล้ว แต่ล่าสุดรัฐสภาได้บรรจุเข้าวาระประชุมเพื่อแก้ไข ม.256 เนื่องจากเป็นข้อมูลใหม่ว่าจะมีการผลักดันให้ลงประชามติแค่ 2 ครั้งเท่านั้น
เพราะถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะทำให้ช่วงเวลาสั้นลง สามารถดำเนินการเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทันใช้ปี 2570 ได้
แต่ปัญหาก็คือ จะฝ่าด่าน สว.ไปได้หรือไม่?
อีกทั้งพรรคร่วมรัฐบาลจะเอาด้วยหรือไม่ อย่าง “ภูมิใจไทย” นั้นชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ต้องการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นทั้งฉบับหรือรายมาตรา
ดังนั้นก็จะเกิดปัญหาความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลชัดเจน
ที่สำคัญคือจะทำให้ภาพรวมการเมืองเกิดความแตกแยกยิ่งขึ้นไปอีก
ลักษณะว่า “เพื่อไทย-ประชาชน” จับมือรวมหัวกันทำให้ฝ่ายอนุรักษนิยมต้องประเมินสถานการณ์ใหม่แล้วว่า
จะอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไปอีกหรือไม่?
ที่ไล่เรียงมาทั้งหมดก็เพื่อชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเผชิญ!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม