ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ก้าวย่างเข้าสู่ปี 2568 เต็มตัวที่รัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี วัยละอ่อนแต่รวยทรัพย์
เพราะ ป.ป.ช.ได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินออกมาแล้วมีทรัพย์สินทั้งหมด 1.3 หมื่นล้านบาท มากกว่านายกรัฐมนตรีทุกคนที่ผ่านมา
ไม่มีใครอิจฉาตาร้อน แต่ต้องเตือนเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อจะไม่เกิดปัญหาภายหลัง
ที่ผ่านมาเคยมีอดีตนายกรัฐมนตรีบางคนเคยบอกว่า “รวยแล้วไม่โกง” ใครต่อใครต่างพากันชื่นชมและสบายอกสบายใจ
เพราะเศรษฐีมาทำการเมืองเพื่อชาติและประชาชน
เป็นการเสียสละที่น่าสรรเสริญ!
แต่พอมีตำแหน่งใหญ่โต มีอำนาจบารมี กลายเป็น “รวยแล้วโกง” ไปเสียฉิบจนทำให้ชีวิตต้องเร่ร่อนระหกระเหินมีแต่ความทุกข์
นี่เป็นอุทาหรณ์เอาไว้ให้คิด!
นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ประกาศเจตนารมณ์ของตนเองกลางสภาฯว่าจะทำให้คนไทย “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี”
พึงจำเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน...
ว่าถึงการเมืองปี 2568 นั้น ตามสถานการณ์ที่เป็นจริงหลายฝ่ายมองว่าจะเข้าสู่จุดปะทะเพราะรัฐบาลจะประสบปัญหารอบด้าน
เกรงว่าจะไปไม่รอด!
แม้ฝ่ายรัฐบาลจะเรียงหน้าออกมาบอกว่าไม่มีปัญหาผ่านตลอดอยู่ครบเทอมอย่างแน่นอน ประกาศแม้จะต้องทำงานหนักแต่เศรษฐกิจของประเทศจะดีขึ้นจีดีพีพุ่งปรี๊ดแน่
ประกาศด้วยความมั่นใจว่าการเลือกตั้งปี 2570 จะต้องชนะเลือกตั้งกลับมาเป็นแกนนำอีกครั้ง จึงทุ่มทุนเต็มกำลังเริ่มจากการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นเพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้งใหญ่
ประเด็นหนึ่งที่ “เพื่อไทย” มั่นใจสุดคือ ไม่มีทางแพ้พรรคประชาชนอย่างแน่นอน ยิ่งสถานการณ์ปัจจุบันที่ความนิยมลดลงเรื่อยๆ
...
อีก 2 ปีข้างหน้าคงไม่ต้องพูดถึง
การที่ฝ่ายค้านจะยื่นซักฟอกรัฐบาลซึ่งเป็นเรื่องปกติทางการเมือง เพราะเป็นหน้าที่ในการตรวจสอบการบริหารประเทศ
“เพื่อไทย” ดูเหมือนจะไม่ให้ราคาแม้แต่น้อย
แถมยังบอกว่าขอให้มีข้อมูลเด็ดจริงๆเถอะ อย่าอภิปรายนํ้าท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงก็แล้วกัน
พูดง่ายๆคือไม่ยี่หระ...
เป็นเรื่องที่พรรคประชาชนจะต้องนำไปคิดและปรับวิธีการทำงานการเมืองให้มีประสิทธิภาพมากกว่า
มิฉะนั้นก็จะถูกดูหมิ่นดูแคลนอย่างนี้
อดีตที่ผ่านมาสมัยที่ประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านนั้น ฝ่ายรัฐบาลหวั่นไหวทุกครั้ง เพราะเป็นของจริงของแท้ข้อมูลแน่นยิงตรงเป้า
แม้จะไม่สามารถโค่นล้มได้ในทันทีเพราะเสียงน้อยกว่า
แต่ก็ทำให้รัฐบาลเกิดปัญหาจนต้องยุบสภาฯ ลาออกจนเกิดปัญหาแทบทุกครั้ง
“ประชาธิปัตย์” จึงได้รับความเคารพในฐานะฝ่ายค้านที่ยอดเยี่ยม
“ประชาชน” หากยังคงทำหน้าที่ฝ่ายค้านแบบ “ไม่เอาจริง” อย่างที่พรรคก้าวไกลทำมา เพราะยังผูกติดกับ “เพื่อไทย” อยู่ ทั้งๆที่มีหลายประเด็นที่สามารถเล่นงานได้อย่างเต็มที่จนถึงขั้นที่ไปไม่เป็นได้
แต่ไม่ทำหรือไม่กล้าทำ วางบทบาทเป็นฝ่ายค้านที่มี “คุณภาพ” จริงๆแล้ว คุณภาพที่จะได้มาก็คือ การทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มข้นถึงลูกถึงคน
แบบนี้รัฐบาลก็สบายเพราะฝ่ายค้านอ่อนแอ...
หากไม่ปรับกระบวนท่าใหม่ เปลี่ยนวิธีใหม่ในการทำหน้าที่ให้เกิดผล ในความเป็นจริงคงไม่สามารถที่จะเอาชนะ “เพื่อไทย” ได้
รอเพียงว่ารัฐบาลเกิดปัญหาขัดแย้งกันเองหรือ “เพื่อไทย” ถูกนิติสงคราม
การที่จะเดินทัพเข้าสู่ทำเนียบคงเป็นเรื่องยากและยากยิ่ง!
“ลิขิต จงสกุล”
คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม