“ชวน หลีกภัย” ชี้การเมืองปี 68 รัฐบาลไร้ปัญหา เผยสูตร “สภาไม่ล่ม” ไม่มาถูกปรับครั้งละ 2 หมื่นบาท เตือนรัฐบาลยึดหลักกฎหมาย อย่าประมาท “นักร้อง” ยัน ปชป.มีเป๋บ้าง แต่ไม่ทุกคน เชื่อไม่สูญพันธุ์ ปัดตอบเลือกตั้งครั้งหน้า วางมือหรือเดินต่อเพราะพูดแล้วทำ
วันที่ 30 ธ.ค. 2567 นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปี 2568 ว่า เสถียรภาพการเมืองยังคงเป็นปกติ ในภาพรวมของตัวเลข สส.ในสภาผู้แทนราษฎรที่ขณะนี้มีทั้งหมด 493 คน ฝ่ายรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากถึง 322 คน ไม่มีปัญหา ไม่มีวี่แววของการเปลี่ยนแปลงเสียงข้างมาก พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลไม่มีทีท่าจะถอนตัวการร่วมรัฐบาลแม้จะมีกระทบกระทั่งกันบ้าง ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมี 173 เสียง ไม่มีอันตรายที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง รวมถึงการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการที่จะไปตรวจสอบคนอื่น ตัวเองต้องไม่มีแผล บางพรรคที่เป็นฝ่ายค้านก็ไม่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้เต็มที่ เพราะตัวเองก็มีสิ่งที่ผูกขาอยู่ ทั้งนี้ที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ระบุว่า สส.ชุดนี้ยังไม่มีสภาล่ม แต่ไม่ได้บอกเหตุผล ตนก็จะบอกว่า สภาฯ ต่อไปนี้จะไม่ล่ม เพราะตนคุยกับ สส.บางคน เขาบอกว่า สส.ถูกควบคุมด้วยเงื่อนไข ถ้าใครไม่มาลงมติจะถูกปรับเงินที่พรรคต้นสังกัดให้มาต่างหาก ถูกปรับครั้งละ 2 หมื่นบาท
เมื่อถามถึงประเด็นร้อนที่จะเขย่ารัฐบาลเช่น กรณีข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องการบริหารของรัฐบาล ที่แต่ละพรรคการเมือง หรือรัฐมนตรีแต่ละคนจะมีปัญหาหรือไม่ แต่เชื่อว่าภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ สภาฯ เองก็ตรวจสอบรัฐบาลได้ภายในขอบเขตเท่านั้นเอง จะหวังตรวจสอบถึงขั้นหานักการเมืองทุจริต โกงกิน แบ่งเปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องยาก ไม่เหมือนสมัยก่อน ซึ่งฝ่ายตรวจสอบภายนอก อาทิ สื่อมวลชน ปัจจุบันก็เจอปัญหาธุรกิจการเมืองลุกลาม ฉะนั้นคนร้องเรียนต้องกล้า เหมือนกรณี 40 สว. ร้องเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ จนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้น รัฐบาลอย่าประมาทบรรดานักร้องเรียน เพราะบางครั้งนักการเมืองมีข้อมูลน้อยกว่านักร้องเรียน แต่เรื่องที่ร้องต้องมีมูล ปัญหาอยู่ที่ว่าเรื่องจะรุนแรงขนาดไหน
...
“รัฐบาลชุดปัจจุบันมาจากฝ่ายค้านชุดเดิมอยู่ด้วย ตอนเป็นฝ่ายค้านก็เคยอภิปรายคนที่ร่วมงานด้วย ขณะนี้ที่ตอนนั้นเป็นฝ่ายรัฐบาล ปัญหาคือจะกลับข้อมูลหรือไม่ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเผชิญการถูกร้องเรียน หรือการถูกติดตามตรวจสอบแน่นอน แต่เหนือสิ่งอื่นใดรัฐบาลต้องรักษาหลักของบ้านเมืองที่เป็นหัวใจของประชาธิปไตย หลักกฎหมาย หลักความชอบธรรม ถูกต้อง ไม่เหลื่อมล้ำ เสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ และนโยบายรัฐบาล ตอนสมัยท่านเศรษฐา น่าเสียดายที่รัฐบาลขณะนั้นเลือกเอาพวกมากกว่าหลักนิติธรรม จากกรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ” นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวอีกว่า การเมืองปัจจุบันมีนักวิ่งเต้นเข้ามาเป็นใหญ่มาก คนเหล่านี้วิ่งทุกเรื่อง วิ่งขบวนการยุติธรรม ความหวังอยู่ที่องค์กรอิสระ และศาลรัฐธรรมนูญว่าจะกล้าตัดสินอะไรตรงไปตรงมาหรือไม่ ถ้ารู้ว่ามันผิด ตนหวังว่าองค์กรเหล่านี้จะเป็นหลักให้บ้านเมือง ผิดว่าไปตามผิด แล้วจะมีคนดีเห็นได้จากกรณีของนายเศรษฐา ทำให้รัฐบาลปัจจุบันระมัดระวังในการแต่งตั้งรัฐมนตรี นี่คือผลที่เกิดขึ้น หากองค์กรอิสระกล้าตัดสินในสิ่งที่ไม่ถูกต้องแบบเด็ดขาด สิ่งที่ทำไม่ถูกต้องก็จะหายไป และไม่มีใครกล้าทำต่อ
เมื่อถามถึงฉายาพรรคประชาธิปัตย์ ที่สื่อทำเนียบรัฐบาลตั้งให้ว่า “ประชาธิเป๋” นั้น นายชวน กล่าวว่า มันก็มีทั้งคนเป๋ คนไม่เป๋ ตนไม่มีอะไรส่วนตัวกับใคร แต่ตนเป็นหนี้บุญคุณชาวบ้าน พรรคเพื่อไทยไม่ได้ ส.ส.ภาคใต้แม้แต่คนเดียว เพราะตนเป็นคนลงไปต่อสู้รณรงค์เรื่องนี้ให้คนใต้ไม่เลือกพรรคที่เลือกปฏิบัติกับเรา เพราะสมัยก่อนผู้นำพรรคนี้เคยประกาศพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกเขา จังหวัดที่ไม่เลือกไว้ทีหลัง คือภาคใต้ นักการเมืองภาคใต้ต้องรู้จักเจ็บร้อนแทนชาวบ้าน ที่สะท้อนผ่านการพัฒนาที่ไม่เท่าเทียมกับภาคอื่นๆ เมื่อถามว่า มีการมองว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์อาจจะสูญพันธุ์ นายชวน กล่าวว่า ตนยังคิดว่าเมื่อคนที่เขาคิดว่าล้มเหลวจากครั้งที่แล้วมาเป็นหัวหน้าพรรค เขาจะรู้จุดอ่อน ก็อาจทำได้ดีกว่าเดิมก็ได้ เพราะไม่ใช่คนใหม่ ยังเป็นคนที่ทำให้พรรคได้ 25 เสียงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด แต่ตนยังยืนยันในการทำการเมืองสุจริต ให้ตนต้องซื้อเสียงบาทเดียวแล้วได้เป็น ตนไม่เอา ตนอยู่การเมืองในสภาฯ นี้มา 50 ปี ภูมิใจที่เป็นปากเสียงแทนชาวบ้าน ไม่ได้เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ของญาติพี่น้อง หรือมาหากินทำธุรกิจส่วนตัว เส้นทางของตนเดินมาไม่เหมือนหลายคน จะให้เปลี่ยนเส้นทางไปซื้อเสียง ตนไม่เอา แม้ไม่ได้เลือกตั้งก็ยอม
เมื่อถามย้ำว่ามีการระบุว่าเหตุที่พรรค ปชป. แพ้เลือกตั้งในภาคใต้ยับเยิน เพราะนายชวนหมดสิ้นมนต์ขลังแล้ว นายชวน กล่าวยอมรับว่า แน่นอน เป็นความผูกพันที่อยู่มานาน แต่เขาก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกพรรคอื่นและเสียงอาจเปลี่ยนไป เมื่อถามอีกว่ามีบางคนในพรรค ปชป. เองบอกว่า ถึงเวลาที่นายชวนควรวางมือได้แล้ว นายชวนกล่าวว่า มันไม่มีกำหนด ผมคิดว่า คนไม่เลือกพรรคเพราะผม มีน้อย แต่เลือกพรรคเพราะเห็นแก่ผมมากกว่า ดังนั้นต้องถามคนที่พูดว่า เขาเลือกพรรค ปชป. เพราะคุณหรือเปล่า ผมว่าเขาเกรงใจนายชวนมากกว่า นี่พูดตรงๆ ไม่ได้โอ้อวดว่าเหนือกว่าคนอื่น เพราะเราไม่ใช่คนขี้อวดขี้โม้ แต่เวลาพบชาวบ้าน เราก็รู้ เมื่อถามย้ำอีกว่า การเลือกตั้งครั้งหน้ายืนยันว่าจะลงสมัคร ส.ส.อีกใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ตนไม่พูดล่วงหน้า เพราะพูดแล้วต้องทำ ไม่มีอะไรที่พูดแล้วไม่ทำ นี่คือนักการเมืองรุ่นเก่าที่เชยๆ แต่ยึดความซื่อสัตย์สุจริต ยึดความชอบธรรมถูกต้อง พูดคำไหนต้องทำตามคำพูดนั้น จึงไม่ใช่คนที่พูดมาก พูดน้อย แต่อะไรที่พูดแล้วต้องทำ เพราะไม่อยากให้ใครประณามเราว่าสับปลับ หรือเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ
เมื่อถามว่า ยังเชื่อมั่นว่าพรรค ปชป. จะไปได้อีกนานใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่าตนไม่ทราบ เพราะไม่ใช่ผู้บริหารพรรค แต่จากการลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน เขาบอกว่าตราบใดที่ตนยังอยู่ เขาก็จะช่วย ไม่ใช่พูดเป็นเงื่อนไขว่า ต้องเอาเรา เพราะเราอยู่มานานกว่าคนอื่น อยู่มา 17 สมัยแล้ว ไม่ได้อยู่เพื่อมาเซ็นชื่อเข้าประชุมแล้วจบ แต่ตนทำงานตลอดทั้งในและนอกสภาฯ