ข่าวดังส่งท้ายปีของไทยที่ดังไปทั่วโลก คงไม่มีข่าวไหนดังไปกว่าข่าวของ คุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นัดพบเจรจากับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย บนเรือยอชต์หรูลำใหญ่ กลางทะเลอันดามัน ในเขตน่านน้ำไทย ระหว่าง เกาะหลีเป๊ะ ของไทย กับ เกาะลังกาวี ของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. แทนที่จะไปพบกันที่เกาะลังกาวีของมาเลเซียตามข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากคุณทักษิณมีคดีห้ามออกนอกประเทศ นายกฯอันวาร์จึงต้องนั่งเรือจากเกาะลังกาวีมาพบกับคุณทักษิณบนเรือยอชต์หรูกลางทะเลอันดามันในเขตน่านน้ำไทยแทน กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก

คุณทักษิณ ได้รับการแต่งตั้งจาก นายกฯอันวาร์ เป็นที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการของ ประธานอาเซียน ซึ่งปีหน้าเป็นคิวของ นายกฯมาเลเซีย ต่อจาก สปป.ลาว

เที่ยงวันรุ่งขึ้น 27 ธันวาคม คุณทักษิณ ชินวัตร ได้มาร่วมงานครบรอบ 75 ปี นสพ.ไทยรัฐ และให้สัมภาษณ์สื่อว่า ได้พบกับ นายกฯอันวาร์ คุยกันเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นเรื่องดีที่ได้พูดคุย เรื่องสถานการณ์ในภาคใต้ เรื่องอาเซียนและเมียนมา รวมถึงสถานการณ์โลกที่ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะเศรษฐกิจในประเทศไทย ตอนนี้อาเซียนต่างคนต่างอยู่ จึงอยากให้อาเซียนมีความเข้มแข็งรวมกันเป็นหนึ่งและเป็นพลังของคน 700 ล้านคน

คุณทักษิณ ได้เปิดเผยในวงรับประทานอาหารเที่ยงเพิ่มเติมว่า นายกฯอันวาร์  ได้นั่งเรือจากเกาะลังกาวีมาพบตนบนเรือยอชต์ที่จอดอยู่ในทะเลอันดามันฝั่งไทย ระหว่างที่สนทนากับนายกฯมาเลเซียบนเรือ ประธานาธิบดีปราโบโว  ของอินโดนีเซีย ซึ่งได้ไปพบกับ นายกฯอันวาร์ ที่เกาะลังกาวีมาก่อนหน้านี้ ได้โทรศัพท์เข้ามาคุยด้วย

ต่อมาเวลา 14.00 น. นายกฯอันวาร์  ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ผมได้พบกับเพื่อนที่ดีของผมและอดีตนายกฯของประเทศไทย ดร.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. เราได้พูดคุยกันอย่างกว้างขวางในหลายประเด็นสำคัญ รวมถึงบทบาทในฐานะที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการให้กับประธานอาเซียน การพูดคุยของเราเน้นไปที่ประเด็นสำคัญในระดับภูมิภาค ได้แก่ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เกิดใหม่ การสร้างสันติภาพในพื้นที่ภาคใต้ของไทย และ แก้ไขวิกฤตการณ์ในเมียนมา เครือข่ายความสัมพันธ์ที่กว้างขวาง และความเชี่ยวชาญที่โดดเด่นของ ดร.ทักษิณ ในภูมิภาคนี้ เปิดโอกาสสำคัญให้มาเลเซียและอาเซียน สามารถเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างมั่นใจมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

...

ก็ต้องยอมรับ ยุคคุณทักษิณ เป็นนายกฯ สามารถทำให้ประเทศไทยมีบทบาทอย่างมากในอาเซียน ไม่แพ้ยุคของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ แต่ใน ยุคคณะปฏิวัติ คสช. 10 ปีที่ผ่านมา เป็นยุค lost decadeของประเทศไทย บทบาทประเทศไทยในอาเซียนลดลงอย่างมาก รวมทั้งในเวทีระหว่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยไม่มีอำนาจในการต่อรอง

เรื่องการ “สร้างสันติภาพที่ภาคใต้” ที่ นายกฯอันวาร์ โพสต์ลงเฟซบุ๊กว่าได้พูดคุยกับ คุณทักษิณ นั้น ถือเป็นปัญหาร่วมของไทยและมาเลเซียมานานแล้ว จากความไม่สงบสุขที่เกิดขึ้นมายาวนานหลายสิบปี สองฝ่ายต่างยอมรับว่า ฝั่งมาเลเซียก็มีเงินสนับสนุนจากนอกประเทศ ฝั่งไทยก็มีการผลาญเงินงบประมาณกันสนุกทุกปี จึงทำให้ชายแดนใต้ไร้ความสงบสุข ข้อมูลจากการอภิปรายงบประมาณปี 2567 ของ คุณรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล (ขณะนั้น) ระบุว่า 20 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลใช้งบแก้ปัญหาภาคใต้ไปแล้วกว่า 538,000 ล้านบาท ปี 2567 ก็มีงบซุกอยู่ในงบต่างๆสูงถึง 25,593 ล้านบาท รวมทั้ง “งบซ้อน” ใน กอ.รมน. อีก 7,545 ล้านบาท

ด้วย งบประมาณมหาศาล ในแต่ละปี จึงทำให้ชายแดนใต้ไม่ มีความสงบสุขเรื่อยมา

ก็ต้องดูว่าจากนี้ไป ชายแดนภาคใต้จะสงบสุขขึ้นหรือไม่  ถ้าสามารถนำความสุข กลับคืนมาได้ เศรษฐกิจภาคใต้จะฟื้นทันที เพราะไทยมาเลเซียมีประชากรรวมกันถึง 100 ล้านคน สามารถสร้างพลังทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม