“ทักษิณ” หนีบ “ผู้กอง” ล่องเรือยอชต์ จับเข่าคุย “อันวาร์”กลางทะเล รวมพลังสร้างอาเซียนให้เข้มแข็ง นายกฯมาเลเซีย โชว์หวาน “ได้พบกับเพื่อนที่ดีของผม” ชี้ไทยกับมาเลย์ต้องสำเร็จไปด้วยกัน “ประเสริฐ” ชู “นายใหญ่” ปรารถนาดี ชี้เป้าปอยเปตแหล่งกบดานแก๊งคอล รอถก ธปท.แนวทางหน่วงเงิน “อิ๊งค์” ร่อนใบลาพักผ่อนปีใหม่ ขอชาร์จแบตกับครอบครัว เจอกันอีกที 2 ม.ค.68 เปิดคำขวัญวันเด็ก “ทุกโอกาสคือการเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” กกต.ปล่อยผีคดี หจก.บุรีเจริญฯ บริจาคเงิน ภท. ชี้ยังไม่มีเหตุอันควรสงสัย ป.ป.ช.เปิดขุมทรัพย์ “บิ๊กต่อ” อู้ฟู่รวย 209 ล. เล็ง เปิดกรุสมบัติ “ครม.อิ๊งค์ 1”

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ควงคู่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ล่องเรือยอชต์หารือนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ในปีหน้า จับมือกันสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มชาติสมาชิกอาเซียน

“ทักษิณ-ผู้กอง” นัดล่องเรือยอชต์

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเวลา 09.30-11.30 น. ของวันที่ 26 ธ.ค. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม และอดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางด้วยเรือยอชต์จาก จ.ภูเก็ต มาเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เพื่อรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมบูโลว คาซ่าแกรนด์วิว รีสอร์อทแอนด์สปา (Bulow Casa GrandView Resort&Spa) มีนายมุกตา บู่เอียด นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจเกาะหลีเป๊ะ ให้การต้อนรับ หลังจากนายทักษิณและ ร.อ.ธรรมนัสร่วมรับประทานมื้อเที่ยงที่โรงแรมดังกล่าวเสร็จ ได้เดินทางกลับ จ.ภูเก็ต มีรายงานว่าก่อนที่นายทักษิณล่องเรือใกล้เกาะหลีเป๊ะ มีการนัดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียบนเรือยอชต์กลางทะเล ระหว่างแนวเขตรอยต่อน่านน้ำสองประเทศ

...

ถก “อันวาร์” ปั้นอาเซียนเข้มแข็ง

ต่อมาเวลา 13.00 น. วันที่ 27 ธ.ค. ที่พิพิธภัณฑ์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมงานครบรอบ 75 ปีหนังสือ พิมพ์ไทยรัฐ ถึงกระแสข่าวขึ้นเรือยอชต์จาก จ.ภูเก็ต ไปเกาะหลีเป๊ะเพื่อพูดคุยกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย หลังได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน โดยนายทักษิณพยักหน้ารับพร้อมกล่าวว่า คุยกันแล้วเรียบร้อยดี ถือเป็นเรื่องดีที่ได้พูดคุยเรื่องสถานการณ์ในภาคใต้ เรื่องอาเซียนและเมียนมา รวมถึงสถานการณ์โลก หลังจากที่โลกได้เปลี่ยนแปลงไป โดยได้พูดคุยกันเยอะ โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศไทย อีกทั้งตอนนี้อาเซียนต่างคนต่างอยู่จึงอยากให้อาเซียนมีความเข้มแข็ง รวมกันเป็นหนึ่งและเป็นพลังของ 700 ล้านคน ให้มีพลังมากกว่าเดิม การรวมกันจะทำให้เป็นพลังรวมกันได้ก็ต่อเมื่อร่วมไม้ร่วมมือกัน เป็นนโยบายรวมของอาเซียน

“อันวาร์” โชว์หวานพบเพื่อนที่ดี

ต่อมาเวลา 14.00 น. นายอันวาร์ อิบราฮิม โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายทักษิณพร้อมข้อความลงเฟซบุ๊ก “Anwar Ibrahim” ระบุว่า “ผมได้พบกับเพื่อนที่ดีของผม และอดีตนายกฯของประเทศไทย ดร.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. เราได้พูดคุยกันอย่างกว้างขวางในหลายประเด็นสำคัญ รวมถึงบทบาทในฐานะที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการให้กับประธานอาเซียน การพูดคุยของเราเน้นไปที่ประเด็นสำคัญในระดับภูมิภาค ได้แก่ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ การสร้างสันติภาพในพื้นที่ภาคใต้ของไทย และการแก้ไขวิกฤตการณ์ในเมียนมา เครือข่ายความสัมพันธ์ที่กว้างขวางและความเชี่ยวชาญที่โดดเด่นของ ดร.ทักษิณในภูมิภาคนี้ เปิดโอกาสสำคัญให้มาเลเซียและอาเซียนสามารถเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างมั่นใจ มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ชี้ไทย-มาเลเซียสำเร็จไปด้วยกัน

นายอันวาร์ระบุอีกว่า ยังมีการหารือเกี่ยวกับวิธีการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมาเลเซียและไทย ซึ่งมีความแข็งแกร่งอยู่แล้วให้ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น โดยสอดคล้องกับวิสัยทัศน์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการรวมตัวในภูมิภาคที่ได้แบ่งปันกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯไทย ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาตนและนายทักษิณมีความเชื่อร่วมกันว่า มาเลเซียและไทยสามารถสร้างความสำเร็จร่วมกันได้มากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่เพื่อประเทศของเราเท่านั้น แต่เพื่อภูมิภาคโดยรวม เรามุ่งมั่นที่จะทำให้วิสัยทัศน์นี้กลายเป็นความจริง

สื่อนอกตีข่าวนัดพบครั้งสำคัญ

ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศ อาทิ เดอะสตาร์ของมาเลเซีย และบลูมเบิร์กของอังกฤษรายงานว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย พบปะหารือกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯไทย ทั้งคู่ได้แลกเปลี่ยนในประเด็นสำคัญในภูมิภาค ทั้งการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้เทคโนโลยีใหม่ การเสริมสร้างสันติภาพในภาคใต้ของประเทศไทย รวมถึงการแก้ไขวิกฤติที่เกิดขึ้นในเมียนมา และยังหารือแนวทางการกระชับความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งระหว่างทั้ง 2 ชาติให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นายอันวาร์ระบุด้วยว่า ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนายทักษิณ และเรียกว่าเป็นเพื่อนรัก พร้อมชื่นชมว่าเครือข่ายความสัมพันธ์ในภูมิภาคและความสามารถของนายทักษิณจะช่วยเปิดโอกาสที่ดี รวมถึงเป็นประโยชน์แก่มาเลเซียและอาเซียน พร้อมเผยว่าตัวเองและทักษิณมีความเชื่อร่วมกันว่า ทั้งมาเลเซียและไทยจะสามารถบรรลุเป้าหมายร่วมกัน ไม่ใช่แค่ในชาติแต่รวมถึงภูมิภาค

ชู “นายใหญ่” มีความปรารถนาดี

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ปราศรัยที่ จ.เชียงใหม่ ว่า จะส่งคนไปดำเนินการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านว่า ถือเป็นความปรารถนาดีที่นายทักษิณเล็งเห็น ต้นตอปัญหาส่วนหนึ่งอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน หรือปอยเปต ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นหนึ่งในฐานปฏิบัติการ ความจริงเราพูดคุยทำงานร่วมกันตลอด คงดูเวลาและจังหวะที่เหมาะสม เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป เมื่อถามว่านายทักษิณบอกว่าจะเห็นผลการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ได้ในปีหน้า นายประเสริฐตอบว่า เราอยากให้เห็นผลในปีหน้า เพราะกัดกร่อนคนไทยมานาน มีการปราบปรามตามแนวตะเข็บชายแดนอยู่ตลอด ไม่ต้องกลัวในเรื่องนี้

รอจับเข่า ธปท.แนวทางหน่วงเงิน

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลจะมีการกดดันไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเรื่องการหน่วงเงินหรือไม่ นายประเสริฐตอบว่า มีแนวทางอยู่ หลายฝ่ายต้องการให้เกิดขึ้น จะนำเรื่องนี้ไปหารือกับ ธปท.หลังจากที่รัฐบาลเสนอเป็น พ.ร.ก. ตอนนี้เสนอไปหลายเรื่อง การเพิ่มโทษ, การเยียวยา และการให้ธนาคารพาณิชย์กับโอเปอเรเตอร์ มีส่วนรับผิดชอบ ปีหน้าจะได้เห็นแน่นอน ขณะนี้ร่าง พ.ร.ก.ดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครม.แล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ตั้งใจให้บังคับใช้ได้เดือน ม.ค.2568 ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนใครจะเป็นผู้ชี้ขาดว่ากรณีไหนเกิดจากความประมาทของประชาชน หรือความหละหลวมของธนาคารนั้น ในกรณีสถาบันการเงินกับบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่คณะกรรมการให้ไว้ ถือว่ามีความผิด

“อิ๊งค์” ลาชาร์จแบตกับครอบครัว

สำหรับความเคลื่อนไหวของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีรายงานว่าวันเดียวกันนี้ น.ส.แพทองธารได้ส่งหนังสือลากิจ 1 วัน ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) พร้อมกับมอบหมายภารกิจให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานในงานประกาศรางวัลรัฐบาลดิจิทัล ประจำปี 2567 (DIGITAL GOVERNMENT AWARDS 2024) แทน ในเวลา 10.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ นายกฯจะใช้ช่วงวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่พักผ่อนอยู่กับครอบครัว ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.2567 และจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้งในวันที่ 2 ม.ค. เวลา 07.30 น. โดยนายกฯพร้อมคู่สมรส เป็นประธานในพิธีทำบุญเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2568 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

คำขวัญวันเด็ก “อนาคตที่เลือกเอง”

ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ มอบคำขวัญวันเด็กประจำปี 2568 ตรงกับวันเสาร์ที่ 11 ม.ค.2568 ว่า “ทุกโอกาสคือการเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” พร้อมกันนี้นายกฯยังโพสต์คลิปวิดีโอความยาว 01.42 น. กล่าวอวยพรเด็กๆว่า “คำขวัญวันเด็กปีนี้ที่อยากให้กับเด็กทุกคน บางครั้งเราอาจคิดว่าเป็นคนตัวเล็กๆที่ไม่ได้ทำอะไรมากมาย สิ่งที่รัฐบาลมองเห็นคือคุณค่า คุณภาพในตัวของน้องๆ ตัวเล็กๆ เด็กๆทุกคน เพราะอนาคตจะเป็นอย่างไรประเทศไทยจะน่าอยู่หรือไม่ อยู่กับน้องๆ โอกาสมากมายที่จะเข้ามาเรียนรู้ทุกอย่าง เรียนรู้ทุกโอกาสที่เรามีกับคนกลุ่มมาก กลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่ อายุมาก อายุน้อย เรียนรู้ได้ตลอดเวลา และการเรียนรู้นั้นจะทำให้เรารู้เองว่าจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่เราไม่ทราบว่าอะไรจะเข้ามาบ้าง อะไรที่คอนโทรลไม่ได้ แต่เราปรับตัวได้ สิ่งที่เราคอนโทรลได้คือตัวของเราเอง อนาคตของเรามีเรื่องดีๆรออยู่อีกมากมาย และตัวพี่ก็เชื่อว่าน้องๆทุกคน ต้องอยากได้อนาคตที่สดใส ที่มีความสุข ฉะนั้นการมีความสุขเริ่มจากตัวเองก่อน ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ รู้จักที่จะไปซ้ายไปขวาและไปอย่างมั่นใจ ทำให้รู้ว่าตัวเราเองที่ตัวเล็กแบบนี้มีคุณค่ามากมายต่อประเทศชาติ สำหรับรัฐบาล สำหรับตัวนายกฯคนนี้ มองเห็นจริงๆว่าอนาคตของชาติคือน้องๆมีสิทธิ์ที่จะทำให้โลกนี้ ให้ประเทศนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น”

“วันนอร์” ดักคอการเมืองอย่าจุ้น

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงฉายาที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภามอบให้ “รูทีน ตีนตุ๊กแก” กังวลว่าในปี 2568 จะถูกฝ่ายการเมืองแทรกแซงเก้าอี้ประธานสภาฯหรือไม่ว่า เป็นความเห็นที่สมาชิกหรือพรรคการเมืองสามารถแสดงออกได้ ในฐานะประธานรัฐสภาคิดว่า ตำแหน่งทางนิติบัญญัติเป็นหน้าที่สมาชิกรัฐสภา หากสมาชิกส่วนใหญ่ต้องการเปลี่ยนก็เสนอญัตติเปลี่ยนได้ ประธานหรือรองประธานสภาฯมาจากการเลือกตั้งของสมาชิกรัฐสภา ไม่ใช่ฝ่ายการเมืองมาขอให้เปลี่ยน อยากให้แยกฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารออกจากกัน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ไม่แทรกแซงกัน นี่คือหลักการ ฝ่ายบริหารเปลี่ยนรัฐมนตรีได้แต่ฝ่ายนิติบัญญัติเป็นเรื่องสมาชิกรัฐสภา และข้อบังคับ เรื่องนี้จึงไม่มีปัญหา แต่อาจมีความเข้าใจผิดว่าประธานและรองประธานสภาฯต้องเสนอชื่อโดยพรรคการเมืองเสียงข้างมากเท่านั้น ซึ่งพรรคการเมืองสามารถเสนอได้ในช่วงแรกที่มีการเลือกประธานสภาฯ หลังจากนั้นจะเป็นเรื่องของแต่ละฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ ส่วนระยะเวลาดำรงตำแหน่งเป็นไปตามวาระ เว้นแต่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ หรือมีข้อบกพร่อง ย้ำว่าทุกเรื่องเป็นหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติเอง

สธ.มอบสุขภาพดีของขวัญคนไทย

ขณะที่ น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขในยุคนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ยึดนโยบายดูแลรักษาสุขภาพอนามัยอนาคตของประชาชนอย่างดีที่สุด เพราะถือว่าสุขภาพที่ดีคือของขวัญและรางวัลที่มีค่า ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ กระทรวงสาธารณสุขมอบของขวัญให้กับประชาชนเพื่อการมีสุขภาพที่ดี ช่วงเดือน ธ.ค.67-ม.ค.68 ให้บริการฉีดวัคซีนแก่ผู้มีอายุ 11-20 ปี ป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) 1 ล้านโดส ตามด้วยของขวัญวันเด็ก วันที่ 7 ม.ค.2568 นายกฯจะเป็นประธานแจกหนังสือนิทานส่งเสริมพัฒนาการให้กับเด็กไทย 40,000 คน วันที่ 11 ม.ค.2568 จัดให้มีการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด หรือการซ่อม/เปลี่ยนลิ้นหัวใจให้กับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 18 ปี ที่มีปัญหา และช่วงสงกรานต์จะมอบของขวัญในวันผู้สูงอายุ โครงการ “คนไทยสายตาดี” ทำการผ่าตัดต้อกระจก 73,000 ดวงตาให้กับผู้สูงอายุ รวมถึงการปลูกถ่ายกระจกตา 1,500 ดวงตา และคัดกรองสายตา โดยทีม 3 หมอ รวมถึงมอบ “รอยยิ้มใหม่ผู้สูงวัย ปี 2568” ให้ผู้สูงอายุและก่อนวันผู้สูงอายุได้รับการใส่ฟันเทียมทั้งปาก หรือเกือบทั้งปาก จำนวน 45,000 ราย

“ชวน” ห่วงเกมเก้าอี้ดนตรีท้องถิ่น

วันเดียวกัน นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ตนพร้อมกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมทำหนังสือถึงประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เรื่องการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่มีบางจังหวัดนายก อบจ.ลาออกก่อนครบวาระ ทำให้ต้องจัดเลือกตั้งใหม่ และต้องจัดการเลือกตั้งเฉพาะตำแหน่งสมาชิก อบจ.ในบางจังหวัด ที่อยู่ครบวาระอีกครั้ง ทำให้ อบจ. เดียวกันต้องจัดการเลือกตั้งถึง 2 ครั้งในเวลาไม่ห่างกัน ทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณแผ่นดิน และยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือศรัทธาประชาชนต่อระบบการเมืองการปกครอง เพิ่มภาระการคลังประเทศและประชาชน โดยไม่จำเป็น จึงขอให้มีการพิจารณาและศึกษาแนวทางเพื่อปรับปรุงกฎหมาย และเสนอต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป และยังทำหนังสือถึงนายอิทธพร บุญประครอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี ที่เป็นกรณีลักษณะเดียวกันทำให้สูญเสียงบประมาณแผ่นดินโดยไม่จำเป็น และไม่เกิดประโยชน์

จี้ กกต.เร่งแก้ไขผลาญเงินแผ่นดิน

นายชวนกล่าวอีกว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งมาตรา 22 วรรคสอง บัญญัติให้ กกต.มีหน้าที่และอำนาจควบคุมกำกับดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ชอบด้วยกฎหมาย ให้ถือเป็นหน้าที่และอำนาจของ กกต. ดังนั้นเพื่อปกป้องประโยชน์ของส่วนรวมและประชาชน ขอให้ประธาน กกต. รับทราบและพิจารณาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง อันจะทำให้เกิดความตระหนักทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และต่อประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในผลเสียหายที่จะเกิดจากการลาออกก่อนครบวาระการดำรงตำแหน่ง แม้การลาออกก่อนครบวาระจะเป็น สิทธิที่สามารถกระทำได้ตามกฎหมายก็ตาม รวมทั้งให้สำนักงาน กกต. พิจารณาศึกษาเพื่อหาแนวทางการ ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาในอนาคต

ภูมิใจไทยรอดยุบพรรคปม หจก.บุรีเจริญฯ

อีกเรื่อง ที่สำนักงาน กกต. มีการเผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ตามที่สำนักงาน กกต.ได้รับคำร้องของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร นายศรีสุวรรณ จรรยา และนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ว่าการกระทำของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่รับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด จากนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ บริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น อาจเป็นการรับบริจาคโดยรู้หรือควรรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 72 เป็นเหตุแห่งการยุบพรรค ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) นายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณาคำร้องประกอบความเห็นของคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริง ความเห็นคณะอนุกรรมการ ที่ปรึกษานายทะเบียนพรรคการเมือง เห็นว่ากรณี หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น บริจาคเงินให้แก่พรรค ภท. ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าพรรค ภท.ได้รับบริจาคโดยรู้หรือควรรู้ว่าเงินบริจาคได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 72 ชั้นนี้จึงให้ยุติเรื่อง

แต่ถ้าศาลชี้ว่าผิดยกขึ้นมาใหม่ได้

ทั้งนี้หากปรากฏพยานหลักฐานใหม่ภายหลังตามคำพิพากษาของศาลว่าผู้บริจาคกระทำผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ นายทะเบียนพรรคการเมืองจะยกขึ้นพิจารณาใหม่ ส่วนกรณีนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธ์ิ เป็นการบริจาคงานวิจัย และบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (จำกัด) เป็นการบริจาคเงิน โดยทั้งสองกรณีไม่ปรากฏหลักฐานว่าพรรคภูมิใจไทย รับบริจาคโดยรู้หรือควรรู้ว่าเงินหรือทรัพย์สินที่นำมาบริจาคได้มาโดยไม่ชอบกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 72 จึงให้ยกคำร้อง

“บิ๊กต่อ” อู้ฟู่ทรัพย์สินรวม 209 ล.

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเปิดข้อมูลการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง มีบัญชีทรัพย์สินที่น่าสนใจ อาทิ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กรณีพ้นตำแหน่ง ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 แจ้งว่ามีบัญชีทรัพย์สินรวม 209,868,973 บาท มีหนี้สิน 1,032,904 บาท เป็นทรัพย์สินของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ 17,530,697 บาท และทรัพย์สินของนางนิภาพรรณ สุขวิมล คู่สมรส 189,382,013 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคารของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ 10,687,281 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างของนางนิภาพรรณ 13 หลัง เป็นบ้านพักและห้องชุดใน กทม.และต่างจังหวัด รวมมูลค่า 80,397,506 บาท ในจำนวนนี้ยังมีบ้านพักอาศัย ย่าน Lower Upnor Rochester มูลค่า 10 ล้านบาท แจ้งว่าได้มาวันที่ 27 ต.ค.2559 และตึก 2 ชั้น ย่าน Cathles Road Lond มูลค่า 50 ล้านบาท แจ้งว่าได้มาวันที่ 7 มี.ค.2566 คาดว่าเป็นทรัพย์สินส่วนเดียวกับที่มีปัญหาเรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังแจ้งมีที่ดิน 20 แปลง ที่ จ.นนทบุรี มุกดาหาร นครนายก นครราชสีมา และที่ดินในสหราชอาณาจักรอีก 2 แปลง รวมมูลค่าทั้งหมด 61,722,115 บาท เงินลงทุน 31,695,986 บาท สิทธิและสัมปทาน 6,224,441 บาท

เล็งเปิดกรุสมบัติ “ครม.อิ๊งค์ 1”

ทั้งนี้ ในวันที่ 3 ม.ค.2568 ถึงวันที่ 1 ก.พ.2568 สำนักงาน ป.ป.ช. เตรียมเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในส่วนนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2567 จำนวน 7 ราย ได้แก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ขณะเดียวกันจะเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของอดีตรัฐมนตรี 11 ราย กรณีพ้นตำแหน่งวันที่ 6 ก.ย.2567 อาทิ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมช.มหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล อดีต รมว.อุตสาหกรรม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย นายสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม รวมถึงนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 14 ส.ค.2567

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่