“พันธุ์อาจ ชัยรัตน์” ยันไม่เสียขวัญ “ทักษิณ” หาเสียงดุเดือดเชียงใหม่ประกาศทวงคืนทุกเก้าอี้ มั่นใจพรรคประชาชน ยังอยู่ในใจคนเชียงใหม่ ที่อยากเปลี่ยน
วันที่ 25 ธันวาคม 2567 นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัคร นายก อบจ.เบอร์ 1 พรรคประชาชน เปิดเผยกับไทยรัฐทีวีกล่าวถึงการขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงอย่างดุเดือดและประกาศขอทวงคืนทุกเก้าอี้กลับคืนเพื่อไทยของนายทักษิณ ชินวัตร ผู้ช่วยหาเสียงของนายพิชัย เลิศอดิศร ว่าทั้งสองพรรคก็มีผู้ช่วยหาเสียงที่เป็นเบอร์ใหญ่ทั้งคู่ คิดว่าไม่มีอะไรที่แตกต่างกัน
ส่วนที่นายทักษิณประกาศขอทวงคืนทุกเก้าอี้นั้นก็เป็นสิ่งที่พูดได้เพราะเชียงใหม่ก็เป็นพื้นที่ของเพื่อไทยมีคะแนนเสียงนำอยู่ในอดีต แชมป์เก่าอยากจะทวงแชมป์เป็นเรื่องปกติก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไม่ได้เสียขวัญและเสียกำลังใจ และคิดว่าตนเองก็ไม่ได้เข้าถึงประชาชนยาก การได้เดินทางไปทั้ง 25 อำเภอได้เข้าถึงประชาชนทั้งในเมืองและที่ห่างไกลบนดอย เหนือสุดตั้งแต่แม่อายจนถึงอมก๋อย จึงคิดว่าเรื่องนี้ไม่เป็นประเด็นปัญหาอะไร การได้เข้าไปในแต่ละพื้นที่ได้เห็นปัญหาที่แตกต่างกัน และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ได้ทำงานที่เชียงใหม่มาเยอะพอสมควร เป็นที่รู้จักในวงการเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นในวงการธุรกิจหรือวงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่การเริ่มต้นของการทำงานการเมืองและการพัฒนา เราอยู่ในวงการนี้มาหลายปีแล้ว
นายพันธุ์อาจยังกล่าวอีกว่า ตนเองเปิดตัวตั้งแต่เดือนมีนาคมและได้ไปพบปะฟังประเด็นปัญหาจากประชาชนครบ 25 อำเภอในจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ได้หลายประเด็นซึ่งได้นำเสนอนโยบายมาเป็นระยะแล้ว ซึ่งยอมรับว่าเชียงใหม่เป็นเมืองที่มีความเป็นนานาชาติสูง นโยบายที่วางเอาไว้ต้องทำให้เชียงใหม่เป็นเมืองระดับโลก ซึ่งทั้งสองพรรคก็มองเชียงใหม่เหมือนกัน คือมีมิติและความซับซ้อน มีความนุ่มนวลของวัฒนธรรม และขณะเดียวกันก็มีประเด็นเชิงปัญหาสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ซึ่งเชียงใหม่มีครบ ขาดเพียงทะเล จึงคิดว่าการมีเวทีดีเบตของผู้สมัครนายกฯ อบจ. ทั้งสองพรรคคือเพื่อไทยและประชาชน จะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ในพื้นที่จะได้สัมผัสช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีที่คนเชียงใหม่จะได้รับทราบถึงนโยบายและแนวทางที่ประชาชนจะได้รับ
...
ส่วนยุทธศาสตร์ของการหาเสียงจากนี้ไปจนถึงก่อนวันเลือกตั้ง 1 กุมภาพันธ์ปีหน้า ก็จะเดินหน้าหาเสียงกับทีมผู้สมัครอย่างเต็มที่ เพราะเราหาเสียงกันเป็นทีม จะลงสู่มิติสำคัญของแต่ละอำเภอ ถ้าเลือกเราเป็นทีมก็จะมีการทำงานเชิงนโยบายที่ลงลึกไปถึงระดับเขต
ส่วนเรื่องที่ผู้สมัครฝั่งตรงข้ามยังมีเรื่องร้องเรียนอยู่ในชั้น ป.ป.ช. นั้น คิดว่ากกต. ก็คงพิจารณาคุณสมบัติที่ตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ต้องไปดูในคดีที่เกี่ยวข้องว่าอยู่ในชั้นศาลระดับใด และในส่วนของ ป.ป.ช. มีการส่งฟ้องไปถึงไหนบ้าง ก็มีหลักฐานเชิงประจักษ์และข้อเท็จจริงอยู่แล้ว
นายพันธุ์อาจยังกล่าวทิ้งท้ายว่า จนถึงวันนี้ยังคิดว่าพรรคประชาชนก็อยู่ในใจของคนเชียงใหม่อยู่ เพราะเวลาที่เราเดินทางลงไปหาเสียงก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี ไม่ว่าพ่ออุ๋ยแม่อุ๊ยตลอดจนนักศึกษา คนวัยทำงานได้รับเสียงตอบรับดีมาก อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเชียงใหม่ให้ดีขึ้น