เลขาฯ กฤษฎีกา ยันตั้ง “กิตติรัตน์” นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ยังไม่มีข้อสรุป ต้องรอผลประชุมร่วม 3 คณะ 25 ธ.ค.นี้ ชี้ ไม่รู้ข่าวออกมาได้อย่างไรมีมติแล้ว

วันที่ 24 ธันวาคม 2567 นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยถึงกรณีการแต่งตั้ง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ว่า ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกายังอยู่ระหว่างการหารือ และยังไม่มีข้อสรุปใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยคาดว่า จะนัดประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 25 ธันวาคม 2567 เพื่อหาข้อสรุป

ทั้งนี้ นายปกรณ์ กล่าวยอมรับว่า ที่ผ่านมาสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ทำหนังสือสอบถามมายังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อขอหารือข้อกฎหมายเกี่ยวกับการแต่งตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ โดยสำนักงานฯ ได้นำเข้าหารือในคณะกรรมการร่วม 3 คณะ คือ คณะที่ 1 (กฎหมายเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง) คณะที่ 2 (กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน) และคณะที่ 3 (กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารจัดการภาครัฐ) เพราะกรณีนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ

“ไม่รู้ว่ามีข่าวออกมาได้อย่างไรว่ากฤษฎีกามีมติแล้ว เพราะคณะกรรมการร่วม ยังนัดประชุมกันในช่วงเช้าวันนี้ และคงไม่น่าจะมีรั่วออกมาจากในห้องประชุมเด็ดขาด และจะนัดประชุมกันอีกในวันพรุ่งนี้ก็น่าจะเสร็จสิ้น ซึ่งสำนักงานฯ จะพยายามทำให้เร็วก่อนสิ้นปีนี้”

สำหรับประเด็นสำคัญที่ทางกฤษฎีกาจะพิจารณา นายปกรณ์ กล่าวว่า จากการทำหนังสือสอบถามความเห็นของกระทรวงการคลังมี 2 ประเด็นเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ถือว่าเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ คือ ตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย

...

นายปกรณ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนตัวเห็นว่าตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยตั้งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งจะต้องไปดูว่ามีพฤติกรรมหรือการกระทำอะไรที่มีลักษณะยุ่งเกี่ยวกับทางนโยบายหรือไม่ แต่โดยทั่วไปตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เรียกง่ายๆ ว่ามีไว้แค่พิมพ์นามบัตรเฉยๆ

ส่วนกรณีที่จะตีความว่าเป็นตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ นายปกรณ์ ยอมรับว่าปัจจุบันมีตำแหน่งที่เกี่ยวข้องคือข้าราชการการเมือง และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งแตกต่างกัน โดยข้าราชการการเมือง เป็นการเมืองแน่ๆ อยู่แล้ว ส่วนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย แต่ถ้าเป็นที่ปรึกษาทั่วไปก็ต้องพิจารณาในรายละเอียด และต้องตีความกันอีกครั้งว่าเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่

ทั้งนี้ ตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี จะเป็นตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่นั้น เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุว่า ต้องไปพิจารณาว่าเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ โดยส่วนตัวต้องไปดูถึงการทำงานด้วยว่าเป็นอย่างไร ซึ่งจะต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากถ้อยคำที่เขียนไว้

“เมื่อกระทรวงการคลังถามเข้ามา กฤษฎีกาก็ตอบตามคำถามที่ถามมาว่า ตำแหน่งทั้ง 2 นี้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ ซึ่งจะต้องถามผู้แทนในห้องประชุมก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่ทั้งหมดจะต้องสรุปให้เร็ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เพราะอาจจะทำให้มีปัญหาต่อเนื่องไปถึง ธปท. ได้”