“สุริยะ” มั่นใจ เพื่อไทยคัดผู้สมัครนายก อบจ. มาอย่างดี ลั่น ปมเขากระโดง ต้องทำตามคำพิพากษา ศาลฎีกาตัดสินแล้วที่ 5,000 กว่าไร่ เป็นของ รฟท. ชี้ ถ้าทำตามกฎหมายทุกอย่างจบได้
วันที่ 24 ธันวาคม 2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดของพรรคเพื่อไทย ว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ. ในนามพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามต่อไป ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ. ที่จะเปิดตัว มั่นใจจะชนะทั้งหมดใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการส่งผู้สมัคร เราพิจารณาแล้วว่าผู้สมัครจะต้องเป็นคนที่สามารถมีผลงานทำให้ อบจ. นั้นก้าวหน้าได้ และดูแลประชาชนได้ จึงได้คัดเลือกผู้สมัครเหล่านั้นมา เราคัดเลือกผู้สมัครเป็นอย่างดี ก็จะได้รับการรับเลือกจากประชาชน ส่วนคำถามถ้าเรามั่นใจว่านายก อบจ. ของพรรคเพื่อไทยจะได้รับการรับเลือกเช่นนี้ จะเป็นการสะท้อนถึงการทำงานของรัฐบาล และคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยในอนาคตในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งถัดไปใช่หรือไม่ นายสุริยะ ตอบว่า ส่วนสำคัญคือรัฐบาลต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง การเลือกตั้งส่วนท้องถิ่นก็เป็นการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่น แต่การเมืองระดับชาติก็มีปัจจัยอื่นที่เข้ามาด้วย
...
ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงกรณีที่ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะลงพื้นที่เขากระโดง และมีการพูดทำนองว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ก้าวล่วงสิทธิ์ประชาชนในพื้นที่นั้น นายสุริยะ ระบุว่า อยากจะทำความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 6 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลฎีกา ตัดสินว่าที่บริเวณเขากระโดงนั้นเป็นที่ของ รฟท. ตนเข้าใจนายทรงศักดิ์ ที่ห่วงใยประชาชนเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ แต่เมื่อมีคำพิพากษา รฟท. ต้องทำตาม ถ้าไม่ทำตามเจ้าหน้าที่รถไฟอาจจะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อนำที่กลับมาให้ รฟท. แล้ว เราสามารถเยียวยาประชาชนในพื้นที่ได้ โดยอาจจะคิดในราคาที่ค่อนข้างถูก ก็จะแก้ปัญหาแบบถาวรต่อไป ส่วนข้อห่วงใยสถานที่ราชการที่ตั้งในพื้นที่ 12 แห่ง อาทิ ศาลากลางจังหวัด อบจ. เรื่องเหล่านี้เราสามารถตรวจสอบก่อนถ้าเป็นที่ของ รฟท. ก็สามารถตกลงให้เช่าได้ เช่น กรณีที่ดินรัชดา ที่มีศาลอาญาและสำนักงานอัยการสูงสุด ก็มาขอเช่า ทาง รฟท. ก็ให้เช่า ซึ่งเป็นเรื่องที่เราก็ห่วงใยประชาชนเหมือนนายทรงศักดิ์
เมื่อถามอีกว่า 2 กระทรวงต้องมาคุยกันหรือไม่ เพราะพูดกันคนละภาษา นายสุริยะ ตอบว่า ตนได้ชี้แจงไปแล้วว่าที่ทั้งหมดเป็นของ รฟท. ส่วนที่นายทรงศักดิ์ ห่วงใยประชาชน ก็ต้องทำตามกระบวนการ ส่วนคำถามว่าในพื้นที่บอกว่า รฟท. ไม่มีหลักฐานยืนยัน 5,000 ไร่เป็นของ รฟท. ถ้ามีให้ไปฟ้องรายแปลง นายสุริยะ กล่าวว่า ศาลฎีกาตัดสินเรียบร้อยแล้วว่าที่ 5,000 กว่าไร่เป็นที่ของ รฟท. โดยกรมที่ดินก็พยายามที่จะพูดถึงเรื่องของคณะกรรมการกฤษฎีกา รฟท. ชี้แจงชัดเจนว่าตั้งแต่กรมรถไฟ 2462 มีการชี้แจงในพื้นที่ตั้งแต่อุบลราชธานี จนถึงนครราชสีมา ซึ่งมีส่วนของเขากระโดงว่าเป็นที่ของ รฟท.
ทั้งนี้ สามารถยืนยันได้ว่าศาลฎีกาวินิจฉัย 5,000 ไร่ เป็นของ รฟท. ใช่หรือไม่ เพราะชาวบ้านยืนยันว่าผูกพันเฉพาะกรณี 35 ราย นายสุริยะ กล่าวว่า ตนไม่ได้เชี่ยวชาญกฎหมายจึงได้ปรึกษากับที่ปรึกษากฎหมาย และยืนยันชัดเจนว่าสามารถบังคับได้ ยืนยันว่ามีเอกสารสิทธิ์ตรงนี้ ในตอนท้ายเมื่อถามย้ำว่าเรื่องนี้จะจบหรือไม่เพราะเป็นมหากาพย์ยาวนาน นายสุริยะ ระบุว่า ถ้าทุกฝ่ายทำตามกฎหมายมันจบได้.