เป็นประเพณีของ ผู้สื่อข่าวสายทำเนียบรัฐบาล ในการตั้ง “ฉายารัฐบาล” และ “ฉายารัฐมนตรี” ทุกสิ้นปี เพราะทำข่าวคลุกคลีกับนายกฯ และ ครม.อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลทุกวัน จนรู้ตื้นลึกหนาบางและผลงานของรัฐมนตรีเป็นอย่างดี ปีนี้มีรัฐมนตรีถูกตั้งฉายา 8 คน และ มีรัฐมนตรีที่โลกลืม 3 คน ไร้ผลงานเข้าตาผู้สื่อข่าวและประชาชน เปลืองเงินเดือนภาษีประชาชน

ฉายารัฐมนตรีปีนี้ไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ แต่ที่โดนคือ ฉายารัฐบาล เป็นจริงและน่าเป็นห่วง

ฉายารัฐบาล ที่ได้รับคือ “รัฐบาลพ่อเลี้ยง” โดยให้เหตุผลว่า คุณทักษิณ ชินวัตร ขึ้นชื่อในเรื่องความรักลูก ทั้งปกป้อง เลี้ยงดู อุ้มชู ปูทาง จนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ มีดีเอ็นเอเดียวกันเป๊ะ จนมีเสียงครหาว่าเป็นรัฐบาล “พ่อคิด ลูกทำ” แต่จริงๆ แล้วอาจไม่ใช่ “พ่อคิด ลูกทำ” ก็ได้ แต่เป็น “พ่อคิด พ่อทำ” หลายครั้งที่นายกฯถูกนักข่าวถามแล้วตอบไม่ได้ นโยบายสำคัญหลายเรื่องซับซ้อนเกินกว่าคนไม่มีความรู้ไม่มีประสบการณ์จะเข้าใจได้ง่าย เช่น นโยบายเศรษฐกิจการเงิน นโยบายต่างประเทศ เกมการเมืองระหว่างประเทศ ฯลฯ ท่ามกลางการแบ่งแยกทางภูมิรัฐศาสตร์ของมหาอำนาจโลก แม้แต่งานในประเทศ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ยังเข้าใจยาก ต้องส่ง คุณภูมิธรรม เวชยชัย  รอง นายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหม ไปเป็น รองประธาน ก.ตร. เพื่อเป็นพี่เลี้ยง

แม้รัฐบาลจะรับฉายา “รัฐบาลพ่อเลี้ยง”  และตัวเองได้ฉายา “แพทองโพย” แต่ นายกฯ แพทองธาร ก็ยังมองโลกในแง่บวกได้เป็นอย่างดี ยอมรับฉายา “รัฐบาลพ่อเลี้ยง” แถมยังชมพ่อว่าเป็นคนเก่งมีประสบการณ์ และยังท้วงฉายา “แพทองโพย” ว่าควรจะเป็น “แพทองแพด” เพราะตัวเองใช้ไอแพด ไม่ได้ใช้โพย คนมีอารมณ์ขันเช่นนี้หาได้ยาก

...

แต่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงต่อฉายาของรัฐบาลก็คือ ความเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทยด้วย ทุกวันนี้ นายกฯ แพทองธาร เป็นนายกฯ ตัวจริงตามกฎหมาย แต่เวลา นักการเมืองใหญ่  นักธุรกิจใหญ่ จะไป เจรจาความเมืองและการค้ากับรัฐบาล จะไปเจรจากับ คุณทักษิณ ชินวัตร ที่ บ้านจันทร์ส่องหล้า ทุกอย่างจะจบลงที่นั่น เหมือน “อำนาจจริง” อยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า

การมองข้าม นายกฯ แพทองธาร  ยังลามไปถึง ผู้นำต่างประเทศ  ด้วย

วันพรุ่งนี้ 26 ธ.ค. นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ส่งเทียบเชิญ คุณทักษิณ ชินวัตร ไปพบที่เกาะลังกาวี เพื่อหารือ เกี่ยวกับ พัฒนาการต่างๆในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งแนวทางทางการทูตเพื่อรับมือกับความท้าทายร่วมกัน  ผมไม่แน่ใจว่า นายกฯ อันวาร์ เชิญ คุณทักษิณ ไปในฐานะอะไร เพราะเรื่องที่หารือเป็นเรื่อง “ทวิภาคี” ระหว่าง ประเทศไทย กับ มาเลเซีย ไม่ใช่ในฐานะที่ปรึกษาอาเซียนของนายกฯ อันวาร์ เพราะก่อนหน้านี้ 23 ธ.ค. นายกฯ อันวาร์ ก็ได้เชิญ ประธานาธิบดีปราโบโว ผู้นำอินโดนีเซีย ไปหารือแบบทวิภาคีที่เกาะลังกาวีเช่นเดียวกัน

นายกฯ อันวาร์ ให้สัมภาษณ์ว่า การเชิญ ประธานาธิบดีปราโบโว และ คุณทักษิณ  ไปหารือที่เกาะลังกาวี สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมาเลเซียที่จะดำเนินบทบาทสำคัญ เพื่อแสดงให้เห็นว่า อาเซียนยังมีความหมายและยังเป็นหนึ่งเดียวกัน ในการเผชิญกับความท้าทายระดับโลก คาดว่าการประชุมดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น ช่วยสนับสนุนเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองของอาเซียน

การหารือเรื่องสำคัญเช่นนี้ นายกฯ อันวาร์ ควรจะเชิญ นายกฯ แพทองธาร ในฐานะ นายกฯ ประเทศไทย เช่นเดียวกับที่เชิญ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย  ไปหารือมิใช่หรือ แต่นายกฯ อันวาร์ กลับเชิญ คุณทักษิณ ไปหารือแทน ทั้งที่ คุณทักษิณไม่มีตำแหน่งอะไรในรัฐบาลเลย ถ้าเป็นอย่างนี้ไปจนครบเทอม ผมก็ไม่รู้ว่า สถานะนายกฯ ประเทศไทย ของ นายกฯ แพทองธาร ในสังคมโลกจะเป็นอย่างไร.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม