“พริษฐ์” ถกทีมกฎหมาย “วันนอร์” มั่นใจทำประชามติ 2 ครั้ง ไม่เสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ แนะเดินหน้าคู่ขนานร่างกฎหมายประชามติ-แก้รัฐธรรมนูญ ยัน “ชวาล” สส.ชลบุรี พร้อมสู้คดีและเดินหน้าทำงานในสภา


วันที่ 23 ธันวาคม 2567 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวที่รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ก่อนการหารือร่วมกับ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการประสานงานและเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของประธานรัฐสภา เพื่อชี้แจงแนวทางการทำประชามติ 2 ครั้ง ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก่อนประธานรัฐสภาจะดำเนินการวินิจฉัย ว่า การประชุมนี้ถือเป็นนัดสำคัญ ที่จะส่งผลต่อชะตากรรมการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หลังจากที่ตนและพรรคประชาชนได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการประสานงานฯ ได้เชิญตนในฐานะผู้เสนอมาให้ข้อมูล และชี้แจงเพื่อให้คณะกรรมการทำความเห็นต่อประธานรัฐสภา เพื่อวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ ว่า ตกลงแล้วจำนวนประชามติที่ต้องทำในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรเป็น 2 หรือ 3 ครั้ง เพราะเมื่อตอนต้นปี ประธานรัฐสภาเคยวินิจฉัยไปแล้วว่าควรเป็น 3 ครั้ง แต่ในรอบนี้เรามีชุดข้อมูลและเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม ที่ตนเชื่อว่าพอจะมีน้ำหนักในการโน้มน้าวให้ประธานรัฐสภาเชื่อว่า การทำประชามติ 2 ครั้งเพียงพอมีมากขึ้น

“ไม่ว่าจะเป็นคำวินิจฉัยรายบุคคลของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน และความเห็นอย่างเป็นทางการของนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้ง นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่เคยส่งให้กับศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการกับศาลรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร ได้เข้าพบ ทั้งนี้ ผู้ที่จะมาประชุมร่วมกันวันนี้ก็จะได้ยืนยันว่าการทำประชามติ 2 ครั้งเพียงพอ และคงต้องรอดูว่าหลังจากวันนี้แล้วจะทำความเห็นแบบไหนไปให้ประธานรัฐสภา คาดว่าจะได้รับคำวินิจฉัยอย่างไม่เป็นทางการจากประธานรัฐสภาภายในสิ้นปีนี้ ว่าเห็นตรงกับพวกเราหรือไม่ว่าการทำประชามติ 2 ครั้งเพียงพอ”

...

ส่วนกรณีที่ประธานรัฐสภา กังวลว่าการทำประชามติ 2 ครั้ง อาจจะเสี่ยงทำให้เสียของ ทำประชามติไม่ครบ นายพริษฐ์ ยืนยันว่าการทำประชามติ 2 ครั้งถือว่าครบ และไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่หากเราเดินตามแผนนี้ก็เป็นสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาอยู่แล้ว ที่อาจจะยื่นให้มีการวินิจฉัยได้ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ระยะเวลาเสียหายไป หากลองคำนวณดู ถ้าเดินตามแผนเดิมที่จะทำประชามติ 3 ครั้ง ในห้วงรอเวลา 180 วัน ที่สภาผู้แทนราษฎรจะยืนยันร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ตามความเห็นเดิม ก็ยังขยับอะไรไม่ได้อยู่ดี

ดังนั้น ถ้าเราจะพยายามขยับมาใช้เส้นทางนี้ในการทำประชามติ 2 ครั้ง หากบรรจุเข้าระเบียบวาระได้ผ่านวาระ 1, 2 และ 3 ไปได้ แม้สมาชิกบางคนจะใช้สิทธิในการร้องตีความทุกอย่างก็สามารถทำได้ภายในกรอบระยะเวลา 180 วัน ไม่ได้ทำให้เราเสียเวลาไปมากกว่าเดิม และยังยืนยันว่าเส้นทางการทำประชามติ 2 ครั้ง สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

“กรอบเวลาว่า หากประธานรัฐสภาเห็นว่าการทำประชามติ 2 ครั้งไปได้ ก็จะบรรจุร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มี ส.ส.ร. มาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยตั้งธงว่าน่าจะเสร็จ 3 วาระภายใน 180 วัน ซึ่งจะประจวบเหมาะกันในครึ่งหลังของปี 2568 ก็จะสามารถจัดทำประชามติในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งแรกได้ ก็หวังว่าจะเป็นการทำประชามติในครั้งแรกจาก 2 ครั้ง ไม่ใช่จาก 3 ครั้ง และผมตั้งเป้าว่าในการพิจารณาร่างทั้งหมดทั้งมวล ไม่ว่าจะมีการร้องว่าขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็น่าจะจบภายใน 180 วัน เท่ากับเวลาที่จะต้องรอ ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ อยู่แล้ว”

สำหรับกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติดำเนินคดีอาญากับ นายชวาล พลเมืองดี สส.ชลบุรี พรรคประชาชน แจ้งบัญชีค่าใช้จ่ายหาเสียงอันเป็นเท็จ ว่า นายชวาล มีการชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวแล้ว และเข้าใจว่าตามข้อกล่าวหาตัวเลขที่มีการคลาดเคลื่อนกันอยู่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งอยู่ที่ประมาณ 8,000 บาท โดยคิดว่า นายชวาล พร้อมจะพิสูจน์ตัวเองผ่านกระบวนการทางศาลอย่างเต็มที่ และระหว่างกระบวนการ นายชวาล ยังคงมุ่งมั่นในการเดินหน้าทำงานต่อไปในฐานะ สส. และทั้งหมดเป็นสิ่งที่นายชวาล จะต้องไปพิสูจน์ในกระบวนการชั้นศาล

ในตอนท้าย นายพริษฐ์ กล่าวต่อไปว่า นายชวาล เป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันกฎหมายหลายฉบับ รวมถึงการแก้ไขพระราชบัญญัติโรงงาน ที่เป็นผลกระทบต่อพี่น้องชาวชลบุรีพอสมควร และนายชวาล เป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบโรงงานที่อาจกระทำผิดกฎหมายไปกระทบต่อชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ เข้าใจว่านายชวาล จะเดินหน้าทำงานในส่วนนี้ต่อในระหว่างที่พิสูจน์ตนเองผ่านกระบวนการของศาล.