การเมืองนั้นมีจุดสำคัญคือ ไม่มีวันหยุดนิ่ง ทำวันนี้เพื่ออนาคตข้างหน้า เป็นรัฐบาลวันนี้ก็ต้องต่อยอดเพื่อเป็นรัฐบาลต่อไปหลังเลือกตั้ง

ยิ่งพรรคการเมืองใหญ่เดิมพันสูง ยิ่งต้องเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา

วันนี้ไม่ว่าจะเป็น “เพื่อไทย”-“ภูมิใจไทย”-“ประชาชน” ต่างก็มองไปถึงการเลือกตั้งปี 2570 กันทุกพรรค ถือเป็นเรื่องปกติห้ามกันไม่ได้

“เพื่อไทย” เป็นแกนนำรัฐบาลผสมต่างขั้วที่แพ้การเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยได้อันดับ 2 ปรากฏว่าความนิยมในแบบปาร์ตี้ลิสต์สู้พรรคก้าวไกล (ประชาชน) ไม่ได้ จึงต้องมุ่งไปสู่ระบบเขตที่ต้องได้ สส.ให้มากที่สุด

โดยเฉพาะภาคอีสานที่ได้ สส.น้อยลง

“ทักษิณ ชินวัตร” ต้องเดินสายช่วยผู้สมัคร อบจ.หาเสียงหลายจังหวัดทั้งภาคอีสาน เหนือ และภาคอื่นๆ ก็เพื่อสร้างฐานเสียงให้มั่นคงแข็งแรงมากขึ้น เพราะพรรคการเมืองอื่นได้ปูทางกันแล้ว

พรรคประชาชนที่ปลุกความคิดการกระจายอำนาจให้ความสำคัญการเมืองระดับท้องถิ่น ทำให้การเมืองท้องถิ่นตื่นตัวอย่างเห็นได้ชัด

“บ้านใหญ่” ที่ตีกินอย่างสบายๆมาตลอด แต่วันนี้ก็อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องกระโดดร่วมวงแจมด้วย โดยประสานกับการเมืองระดับชาติ

นี่เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน!

“ภูมิใจไทย” นั้นตีกินเงียบๆมานานแล้ว แม้จะไม่ประกาศตัวว่าส่งผู้สมัคร แต่ความจริงมีความเคลื่อนไหวแบบไม่เอิกเกริก

คือเป็นตัวแทนของพรรคแต่ไม่ประกาศตัว

วันนี้ภูมิใจไทยจึงมีนายก อบจ.ในสังกัดมากกว่าทุกพรรค ทำให้ “เพื่อไทย” อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องวางแผนส่งผู้สมัครด้วย

อีกทั้งยังลงลึกไปถึงการจัดแถว “บ้านใหญ่” กันใหม่อีกด้วย

...

ความชัดเจน ณ วันนี้คือ “เพื่อไทย” มุ่งเน้นไปสู่การเลือกตั้งแบบแบ่งเขต โดยเฉพาะภาคอีสานที่ต้องได้ สส.มากที่สุด

มากกว่า “ภูมิใจไทย” และ “ประชาชน”

เช่นกัน “ภูมิใจไทย” จำนวน สส.ปัจจุบัน 71 คน ปรากฏว่าเป็น สส.เขตเกือบทั้งหมด มี สส.ปาร์ตี้ลิสต์เพียงคนเดียว

คือ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค...

ดังนั้น “ภูมิใจไทย” จึงต้องมุ่งเน้นไปที่ สส.ปาร์ตี้ลิสต์มากขึ้นด้วยการสร้างกระแสความนิยมพรรคในการขับเคลื่อน

ปรากฏการณ์ที่เห็นชัดเจนที่เกิดขึ้น แม้จะสวนทางกับ “เพื่อไทย” ในด้านนโยบาย แต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อแสดงจุดยืนให้ปรากฏ

ไม่ว่าจะเป็นการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายกลาโหม ค้านการเปิดกาสิโน

จน “ทักษิณ” ต้องเสียดสีว่า “ไม่ต้องรีบหล่อก็ได้”

การแสดงตัวตนของ “อนุทิน” ที่รู้กันว่าไม่ค่อยกล้ากับ “ทักษิณ” แต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อหาคะแนนนิยมให้พรรค

มุ่งหวังไปที่การเป็นพรรคที่มี “ภาพดี” กว่าพรรคอื่นๆ และกล้าที่จะแสดงออก

แม้วันนี้ยังกอดคอร่วมรัฐบาลกันได้ แต่ในใจลึกๆแล้วต่างก็พร้อมที่จะแตกหักได้เช่นกัน เพียงแต่วันนี้ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น

ในสภาพความจริงที่ดำรงอยู่การต่อสู้ทางการเมืองระหว่าง 3 พรรคนั้นต่างก็มีแผนที่จะเดินไปตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้แล้ว

“เพื่อไทย” ก็มุ่งไปที่อีสาน ซึ่งมี สส.มากสุดถึง 133 คน “ภูมิใจไทย” ก็วางทุ่นเอาไว้มากพอสมควร แต่ก็จะหาเพิ่มจาก สส.ปาร์ตี้ลิสต์

“ประชาชน” ก็คิดว่าการขาย “อุดมการณ์” จะทำให้ชนะได้

แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นก็ต้องฟาดฟันทำลายล้างกันกลางทางเสียก่อน!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม