รัฐบาลรณรงค์ “ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย” ปีใหม่ 2568 เพื่อลดความสูญเสีย คาด 7 วันมีเที่ยวบินรวมกว่า 1.8 หมื่นไฟลต์ พร้อมแนะพิกัดกางเต็นท์ฟรี 37 จุดทั่วไทย

วันที่ 22 ธันวาคม 2567 น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันรณรงค์ “ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย” ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ซึ่งจากสถิติตัวเลขความสูญเสียในช่วงเทศกาลปีใหม่ 3 ปีย้อนหลัง พบว่า

  • ปี 2565 เกิดอุบัติเหตุ 2,707 ครั้ง บาดเจ็บ 2,672 คน เสียชีวิต 333 ราย
  • ปี 2566 เกิดอุบัติเหตุ 2,440 ครั้ง บาดเจ็บ 2,437 คน เสียชีวิต 317 ราย
  • ปี 2567 เกิดอุบัติเหตุ 2,288 ครั้ง บาดเจ็บ 2,307 คน เสียชีวิต 284 ราย


สาเหตุสูงสุดได้แก่ ขับรถเร็ว 40.6%, ตัดหน้ากระชั้นชิด 23.31%, ดื่มแล้วขับ 14.29%, ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 87.01% ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด อยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี คิดเป็น 19.67%

...

นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดแผนปฏิบัติงานเทศกาลปีใหม่ 2568 ช่วงคุมเข้ม 27 ธันวาคม 2567 - 2 มกราคม 2568 บังคับใช้กฎหมาย เน้น 10 ข้อหา เน้นหนักเรื่องการดื่มแล้วขับ ซึ่งในปีใหม่ 2567 ที่ผ่านมา มีการจับกุมข้อหาเมาแล้วขับสูงถึง 20,917 ราย และทำการตรวจสอบประวัติผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับเมาแล้วขับที่กระทำผิดซ้ำเป็นครั้งที่ 2 เพื่อส่งฟ้องต่อศาลให้ได้รับโทษสูงขึ้น

ส่วนผู้กระทำความผิดที่เป็นเด็กและเยาวชน ได้ใช้มาตรการสืบสวนขยายผลไปยังร้านค้าที่จำหน่ายสุราโดยมีบัญชีร้านค้าเสี่ยงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และใช้มาตรการทางกฎหมายกับผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลย หรือสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนดื่มสุรา ตามพระราชบัญญัติคุ้มครอง

สำหรับบทลงโทษดื่มแล้วขับหากทำผิดครั้งแรก มีอัตราโทษ จำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000-20,000 บาท ทำผิดซ้ำข้อหาเมาแล้วขับ ภายใน 2 ปี นับแต่วันกระทำผิดครั้งแรก เพิ่มโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 50,000-100,000 บาท ถูกพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

“รัฐบาลมีความห่วงใยความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนตลอดการเดินทางช่วงเทศกาล ขอให้ทุกคนมีสติ ดื่มไม่ขับ กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย”

ทางด้าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่จะถึงนี้ คาดว่าจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยจากการรายงานของวิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) คาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินในช่วงระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 - 2 มกราคม 2568 รวม 7 วัน ระบุว่า จะมีเที่ยวบินรวม 18,280 เที่ยวบิน เฉลี่ย 2,611 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนในปี 2568 อุตสาหกรรมการบินในประเทศจะฟื้นตัวอย่างชัดเจน คาดว่าจะมีเที่ยวบินทั่วประเทศประมาณ 1 ล้านเที่ยวบิน

โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชน ภายใต้แนวคิด I-SMART ตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีมาบริหารจัดการเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวให้มีความรวดเร็วและปลอดภัย รองรับปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อไม่ให้เที่ยวบินมีความล่าช้าและความแออัดของเที่ยวบิน รวมถึงอำนวยความสะดวกด้านข้อมูลสภาพการจราจรทางอากาศ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้สายการบินอย่างรวดเร็วและทั่วถึง โดยดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานทางวิ่ง ซึ่งจะจัดระยะห่างของอากาศยานขาเข้าและขาออกให้กระชับตามเกณฑ์มาตรฐานและสัมพันธ์กับค่าการใช้เวลาบนทางวิ่งของอากาศยาน เพื่อสามารถรองรับปริมาณเที่ยวบินได้มากที่สุด และสามารถใช้ทางวิ่งร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ กำหนดทางขับที่เหมาะสม เพื่อใช้เวลาบนทางวิ่งน้อยที่สุด เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจราจรทางอากาศ

นายอนุกูล ระบุต่อไปว่า การดำเนินดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มเป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และท่าอากาศยานดอนเมือง จะเพิ่มเป็น 57-60 เที่ยวบินต่อชั่วโมง จากเดิม 52 เที่ยวบินต่อชั่วโมง นอกจากนี้ ยังขยายขีดความสามารถด้านการปฏิบัติการบินและการกำหนดความเร็วของอากาศยานให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์และคำแนะนำการให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศ เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างอากาศยานบนแนวร่อนให้คงที่และสามารถทำการลงได้อย่างปลอดภัย พร้อมจัดเตรียมเจ้าหน้าที่เข้าดูแลทั่วทุกบริเวณอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ การควบคุมการจราจรทางอากาศและวิศวกร รวมถึงเตรียมมาตรการรองรับในกรณีสถานการณ์ฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้ใช้บริการ เดินทางอย่างปลอดภัย ถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ

นอกจากนี้ นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่า รัฐบาลมุ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน โดยกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม จัดเตรียมจุดกางเต็นท์ 37 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้บริการประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่าง 27 ธันวาคม 2567 - 2 มกราคม 2568 ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โดยแบ่งเป็น ภาคเหนือ 21 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 แห่ง ภาคตะวันตก 3 แห่ง และภาคกลาง 6 แห่ง พร้อมทั้ง จัดเตรียมเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง บริการน้ำดื่มและห้องสุขาฟรี ดังนี้

ภาคเหนือ 21 แห่ง

1. จังหวัดเชียงใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงจอมทอง ทล.1009 ตอน จอมทอง - ดอยอินทนนท์ กม. ที่ 30+450 หมวดทางหลวงแม่แตง ทล.1095 ตอน หนองโค้ง - กิ่วคอหมา กม. ที่ 14+584 และหมวดทางหลวงเชียงดาว ทล.107 ตอน แม่ทะลาย - หัวโท กม. ที่ 84+215

2. จังหวัดแม่ฮ่องสอน 1 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงแม่ฮ่องสอน ทล.1095 ตอน ห้วยซลอบ – แม่ฮ่องสอน กม. ที่ 197+907

3. จังหวัดลำปาง 4 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงแจ้ห่ม ทล.1035 ตอน สำเภาทอง - สันติสุข กม. ที่ 52+500 หมวดทางหลวงห้างฉัตร ทล.1 ตอน แยกภาคเหนือ – ขุนตาน กม.ที่ 481+500 หมวดทางหลวงสบปลาบ ทล.1 ตอน สบปราบ – เกาะคา กม.ที่ 650+700 และหมวดทางหลวงแม่พริก ทล.1 ตอน แม่เชียงรายบน – ดอนไชย กม.ที่ 589+500

4. จังหวัดเชียงราย 2 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงแม่ลาว ทล.1 ตอน พาน - บ้านร่องขุ่น กม. ที่ 896+845 และหน่วยบำรุงทางภูชี้ฟ้า ทล.1093 ตอน ขุนห้วยไคร้ - ผาตั้ง กม. ที่ 63+500

5. จังหวัดน่าน 3 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงนาน้อย ทล.1083 ตอน เด่นชาติ - นาน้อย กม. ที่ 69+485 หมวดทางหลวงผาช้างน้อย ทล.1148 ตอน สะเกิน - สบทุ กม. ที่ 82+000 และหมวดทางหลวงบ่อเกลือ ทล.1081 ตอน หลักลาย - บ่อเกลือ กม. ที่ 67+110
6. จังหวัดพะเยา 1 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงผาช้างน้อย ทล.1148 ตอน สะเกิน – สบทุ กม. ที่ 82+000

7. จังหวัดเพชรบูรณ์ 1 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงเขาค้อ ทล.2196 ตอน นางั่ว - ทุ่งสมอ กม.23+600

8. จังหวัดตาก 4 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงแม่สลิด ทล.1 ตอน วังม่วง - แม่เชียงรายบน กม. ที่ 560+449 หมวดทางหลวงท่าสองยาง ทล.105 ตอน แม่สลิดหลวง - แม่เงา กม. ที่ 115+550 หมวดทางหลวงคีรีราษฎร์ ทล.1090 ตอน ห้วยน้ำริน - อุ้มผาง กม. ที่ 88+050 และหมวดทางหลวงอุ้มผาง ทล.1090 ตอน อุ้มผาง - กะแง่คี กม. ที่ 165+799

9. จังหวัดสุโขทัย 1 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงแม่สิน ทล.101 ตอน ศรีสัชนาลัย - แม่สิน กม. ที่ 184+219

10. จังหวัดพิษณุโลก 1 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงแก่งโสภา ทล.12 ตอน วังทอง - เข็กน้อย กม. ที่ 296+100

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 แห่ง

11. จังหวัดบึงกาฬ 1 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงศิวิไล ทล.222 ตอน ท่ากกแดง - บึงกาฬ กม. ที่ 102+526

12. จังหวัดสกลนคร 1 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงคำหอม ทล.213 ตอน สร้างค้อ - สกลนคร (โค้งปิ้งงู) กม. ที่ 155+600

13. จังหวัดเลย 3 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงภูกระดึง ทล.201 ตอน ผานกเค้า - หลักร้อยหกสิบ กม. ที่ 266+737 หมวดทางหลวงปากชม ทล.211 ตอน ปากชม - เชียงคาน กม. ที่ 148+350 และหมวดทางหลวงภูเรือ ทล.21 ตอน หนองบง - ภูสวรรค์ กม. ที่ 376+834

14. จังหวัดหนองคาย 1 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงสังคม ทล.211 ตอน ศรีเชียงใหม่-ห้วยเชียงดา กม. ที่ 73+500

15. จังหวัดอุบลราชธานี 1 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงโขงเจียม ทล.2222 ตอน โขงเจียม-สะพือ กม. ที่ 0+925

ภาคตะวันตก 3 แห่ง

16. จังหวัดกาญจนบุรี 2 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงไทรโยค ทล.323 ตอน หนองสามพราน - แก่งประลอม กม. ที่ 100+000 และหมวดทางหลวงทองผาภูมิ ทล.323 ตอน แก่งประลอม - ทองผาภูมิ กม. ที่ 181+058

17. จังหวัดราชบุรี 1 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงสวนผึ้ง ทล.3208 ตอน น้ำพุ - เมืองผาปกค้างคาว กม. ที่ 53+000

ภาคกลาง 6 แห่ง

18. จังหวัดกำแพงเพชร 4 แห่ง ได้แก่ สำนักงานแขวงทางหลวงกำแพงเพชร ทล.1 ตอน ปากดง - นครชุม กม. ที่ 453+076 หมวดทางหลวงคลองขลุง ทล.1 ตอน โนนปอแดง - ปากดง กม. ที่ 423+809 หมวดทางหลวงโกสัมพีนคร ทล.1 ตอน นครชุม - วังเจ้า กม. ที่ 476+553 และหมวดทางหลวงคลองลานพัฒนา ทล.1117 ตอน คลองแม่ลาย - อุ้มผาง กม. ที่ 55

19. จังหวัดอุทัยธานี 2 แห่ง ได้แก่ หมวดทางหลวงบ้านไร่ ทล.3011 ตอน บ้านไร่ - บ้านใต้ กม. ที่ 5+006 และศูนย์บำรุงทางและบริการประชาชน (เป็นพื้นที่อยู่ในความรับผิดชอบของหมวดทางหลวงบ้านไร่) ทล.3011 ตอน บ้านไร่ - บ้านใต้ กม. ที่ 24+200

นายคารม ระบุในช่วงท้ายว่า รัฐบาลเชิญชวนประชาชนจองพื้นที่กางเต็นท์ฟรีล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ ผ่านเว็บไซต์กรมทางหลวง หรือติดต่อแขวงทางหลวง/หมวดทางหลวงในพื้นที่ และโทรสายด่วน 1586 (ฟรี 24 ชั่วโมง) หรือจองด้วยตนเอง ณ จุดกางเต็นท์ พร้อมกันนี้ กรมทางหลวง ขอความร่วมมือประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด.