"ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ" ขอส่งท้ายปีเก่า โดยเปิดใจนักการเมืองหนุ่ม นิกเนมว่า “เท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.)
มาพลิกมุมคิดในบทบาทแม่ทัพใหญ่ตรวจสอบรัฐบาล ให้ผลประโยชน์ตกแก่ประเทศและประชาชน ประเดิมได้ชี้ให้เห็นถึงรัฐธรรมนูญ (รธน.) ที่เป็นโครงสร้างอำนาจเก่า ส่งผลต่อประเทศไทยในภาพรวม
ในเมื่อร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติตามกระบวนการ ต้องรออีก 180 วัน ยืนยันเกณฑ์เสียงข้างมากชั้นเดียวผ่านประชามติไขกุญแจดอกแรกแก้ รธน. โดย รธน.ที่ดีสำหรับคนไทย ต้องมีทั้งในส่วนที่มาจากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ผ่านการเลือกตั้ง 100% และเนื้อหาให้เป็นตามหลักสากล เช่น อำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระ
“แม้กระบวนการประชามติชะลอ แต่สิ่งที่รัฐสภามีอำนาจโดยไม่ต้องรอประชามติครั้งที่ศูนย์ คือ ประธานรัฐสภาสามารถบรรจุร่างแก้ไข รธน. มาตรา 256 เปิดช่องให้มี ส.ส.ร. เพื่อยกร่าง รธน.ใหม่
ปชน.ยื่นเข้าไปแล้ว ภายในสิ้นปี คือ 23 ธ.ค.นี้ จะหารือกับคณะกรรมการพิจารณาร่วมกันภายในรัฐสภา ตกลงประธานรัฐสภามีความเห็นบรรจุหรือไม่อย่างไร”
ต้องผ่านด่านวุฒิสภา 1 ใน 3 ดูภาพรวมค่อนข้างเป็นอุปสรรคต่อการแก้ รธน. หลังวุฒิสภาโหวตยืนร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ ยืนยันเกณฑ์ผ่านประชามติ 2 ชั้น นายณัฐพงษ์ บอกว่า ภาคประชาชนต้องช่วยส่งเสียงเรียกร้อง ตอนนี้ประเด็นแก้ รธน.ทุกคนเชื่อมั่นเป็นไปได้
ถ้าทุกพรรคการเมืองเห็นตรงกัน และสังคมไทยก็ไม่ปฏิเสธ......ต้องมีการแก้ รธน.–ยกร่าง รธน.ฉบับใหม่แน่นอน
แต่ปัญหาการเมืองต้องยอมรับข้อเท็จจริงที่พึ่งเสียงวุฒิสภา 1 ใน 3 ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “สว.สีน้ำเงิน” ส่วนภายในพรรคร่วมรัฐบาลสามารถผลักดันได้ แต่ที่ผ่านมาบางทีพรรคเพื่อไทยเห็นแบบหนึ่ง พรรคภูมิใจไทยเห็นอีกแบบหนึ่ง ทำให้สิ่งที่พรรคเพื่อไทยผลักดันตามที่หาเสียงเอาไว้ ต้องถอยตามพรรคร่วมรัฐบาล
...
บริบทเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย เดิมทีพรรคเพื่อไทยสามารถผลักดันวาระต่างๆ ได้ กลายเป็นต้องถูกแตะเบรกชะลอเอาไว้ ทั้งแก้ไข รธน. ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบกลาโหม รายงานนิรโทษกรรมที่ไม่ใช่ร่างกฎหมายด้วยซ้ำ
ยิ่งตอกย้ำต้องแก้ รธน. ป้องกันเกิดสุญญากาศการเมือง
พรรคร่วมรัฐบาลไปทิศทางเดียวกันนิรโทษกรรมคดีที่เกี่ยวเนื่องทางการเมือง ยกเว้น คดี 112 พรรคประชาชนจะเดินต่อเรื่องนี้อย่างไร เพราะยังยืนยันต้องมีคดี 112 นายณัฐพงษ์ บอกว่า นิรโทษกรรมมีหลักการสำคัญ คือคืนความยุติธรรม เยียวยาให้คนที่เคยออกมาต่อสู้ชุมนุม เรียกร้องทางการเมืองและโดนคดี
ถ้าดูข้อคิดเห็นในร่างรายงานนิรโทษกรรมในส่วนพรรคประชาชน ไม่เห็นด้วยที่นิรโทษกรรมให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ ไม่ได้นิรโทษให้ทั้งหมด นิรโทษกรรมเฉพาะคดีผู้ที่ออกมาชุมนุมทางการเมือง คดีทางการเมือง
หากวางหลักการตรงนี้ตรงกัน โดยไม่มองเป็นความผิดมาตราไหน ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนยอมรับได้ ในส่วนพรรคเพื่อไทย กรณีผ่านร่างรายงานนิรโทษกรรม ตอนแรกพร้อมโหวตผ่าน หากเป็นเช่นนี้เมื่อร่วมกับพรรคประชาชนเสียงในสภาฯก็มากกว่าอยู่แล้ว เหมือนร่าง พ.ร.บ.ประชามติที่เห็น
ตรงกันก็โหวตผ่านได้
แต่ร่างรายงานนิรโทษกรรม พอพรรคร่วมรัฐบาลแตะเบรกกลายเป็นผลโหวตออกมาตรงกันข้าม ทำให้ปัญหาประชาชนหลายอย่างแก้ไขไม่ได้ สะท้อนพรรคร่วมรัฐบาลขาดเอกภาพ
ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ แก้ไข รธน. ร่างแก้ไข พ.ร.บ.สภากลาโหม รายงานนิรโทษกรรม บ่งบอกถึงฝ่ายอนุรักษ์นิยมกำลังทำอะไรอยู่ นายณัฐพงษ์ บอกว่า ฝั่งอนุรักษ์นิยมอาจมีข้อกังวลเกินจริง แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ สภาผู้แทนราษฎรกังวลเกินเหตุ เช่น ไม่โหวตผ่านรายงานนิรโทษกรรม
ในวันนั้นดูแนวโน้ม สส.โหวตให้ แต่ สส.หลายคนรู้ไม่กล้าใช้อำนาจปกป้องสิทธิเสรีภาพประชาชน พยายามรักษาสถานะ กลัวมีพลังบางอย่าง เครื่องมือทางการเมืองบางอย่าง เช่น กลไกองค์กรอิสระ เข้ามาเล่นงานภายหลัง
กลัวพลังฝั่งอนุรักษ์นิยมมาเล่นงานภายหลัง
สิ่งเหล่านี้ต้องแก้ รธน. จัดตำแหน่งองค์กรอิสระ
เมื่อเปลี่ยนหัวหน้าพรรคประชาชน ถูกมองว่าฝ่ายค้านแผ่วลงไป นายณัฐพงษ์ บอกว่า ทุกช่องรอยต่อมีกระแสนิยมมีขึ้นมีลง แต่ถ้าย้อนดูผลการเลือกตั้ง โดยเฉพาะระดับท้องถิ่น ในหลายเวทีสัดส่วนคะแนนเพิ่มขึ้น
ตัวเลขนี้สะท้อนว่าตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่-ก้าวไกล-ประชาชน เชื่อว่าการทำงานการเมือง คือสร้างการเปลี่ยนแปลง รณรงค์ทางความคิด เอาชนะทางความคิด ภารกิจเดินหน้าสำเร็จในทุกสนาม สนามเล็กๆที่เคยแพ้แต่คือชัยชนะในแต่ละวันที่มากขึ้น ส่วนสนามระดับประเทศได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว กลายมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง
โจทย์พรรคประชาชน รณรงค์ทางความคิดแบบนี้ต่อไป ทำให้ประชาชนเห็นว่านโยบายจับต้องได้ ทำได้ในระดับท้องถิ่น ถึงวันนั้นเชื่อมั่นเป็นจุดเปลี่ยน ทำให้โหวตเตอร์ใหม่ๆ หันมาสนับสนุนเรา
แพ้ศึกเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นการสะสมพลัง เพื่อชัยชนะสงครามใหญ่เลือกตั้ง สส. นายณัฐพงษ์ บอกว่า ใช่ ในศึกสงครามใหญ่ ศึกเล็กๆ ไม่ได้มีความหมายเท่ากับที่สามารถชนะศึกในภาพใหญ่ได้
บทบาทฝ่ายค้านในเวทีตรวจสอบรัฐบาลนับจากนี้จะเป็นอย่างไร นายณัฐพงษ์ บอกว่า รอติดตามบทบาทพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประเด็นไหนรัฐบาลทำไม่ถูก ทุจริตคอร์รัปชัน รับรองตรวจสอบแข็งขัน ไม่ลดราวาศอกแน่
นอกจากทำหน้าที่ถ่วงดุลตรวจสอบรัฐบาล พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านเชิงรุก เป็นข้อเสนอทางออกของบ้านเมือง พาประเทศไทยไปข้างหน้า ซึ่งไม่ได้แค่วิพากษ์วิจารณ์อย่างเดียว แต่มีข้อเสนอที่ไปไกลกว่าให้รัฐบาลไปทำ
สุดท้ายถ้ามองประเด็นใหญ่ถึงปัญหาประเทศไทยที่ต้องเร่งแก้ไข เชื่อมั่นทุกฝ่ายเห็นตรงกัน ทั้งในด้านความโปร่งใส ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ประสิทธิภาพภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจ และขาดความเป็นประชาธิปไตย โดยแก้ไข รธน. สามเสานี้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันต้องเร่งแก้ไข
โปร่งใส–รัฐมีประสิทธิภาพ–ประชาธิปไตย
ไทม์ไลน์ยื่นญัตติซักฟอกรัฐบาลช่วง เม.ย.68 เน้นประเด็นไหนเป็นพิเศษ “รัฐบาลบริหารไร้ประสิทธิภาพ-ทุจริตคอร์รัปชัน ดำเนินนโยบายผิดพลาดขัดต่อรัฐธรรมนูญ” นายณัฐพงษ์ บอกว่า มีหลายประเด็นตั้งแต่ดำเนินนโยบายผิดพลาด จนไปสู่ทุจริตคอร์รัปชัน เอื้อผลประโยชน์บางอย่าง อยากให้ติดตามใกล้ๆ ถ้าเปิดประเด็นไปก่อน จะเหมือนแจกการบ้านล่วงหน้า
พรรคร่วมรัฐบาลไม่เป็นเอกภาพ ฝ่ายค้านควรวางยุทธศาสตร์ซักฟอกรัฐบาลอย่างไร เพื่อทำให้พรรคร่วมรัฐบาลแตกให้ได้ นายณัฐพงษ์ บอกว่า เอาในฝั่งฝ่ายค้านก่อนที่รวมตัวกันแบบหลวมๆ โดยพูดคุยตกลงผ่านคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน)
เช่น ประเด็นอภิปรายเป็นหน้าที่ของแต่ละพรรคไปเตรียม เราพูดคุยในกรอบกว้างๆ ตอนที่จะเสนอญัตติครอบคลุมประเด็นที่ทุกพรรคอภิปราย ส่วนประเด็นพรรคร่วมรัฐบาลขาดความเป็นเอกภาพ ทำให้นโยบายหลายอย่างชักเข้าชักออก สิ่งเหล่านี้เชื่อคงอยู่ในกรอบเนื้อหาญัตติซักฟอกอยู่แล้ว
การอภิปรายหวังให้รัฐบาลบริหารประเทศมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ลึกๆ หวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล ยุบสภาหรือเปลี่ยนตัวนายกฯ นายณัฐพงษ์ บอกว่า ถ้ามีใบเสร็จประเด็นทุจริตคอร์รัปชัน โยงถึงตัวรัฐมนตรีได้โดยตรง
หากไม่ดำเนินการใดๆ กับพรรคร่วมรัฐบาล ก็เชื่อมั่นว่ารัฐบาลขาดความชอบธรรมไม่สามารถอยู่ได้ในระยะยาว รอติดตามดูประเด็นที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอเข้มข้นขนาดไหน หลังรัฐบาลบริหารประเทศมากว่า 1 ปี
มีประเด็นต่างๆ ซักฟอกรัฐบาลเยอะ
ฉะนั้นถ้าประชาชน ข้าราชการในหน่วยงานต่างๆ มีประเด็นที่ไม่สะดวกพูดในหน่วยงาน สามารถส่งข้อมูลมาให้พรรคประชาชนได้เรื่อยๆ เพื่อดำเนินการทุกอย่างตรงไปตรงมาในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ซักฟอกรัฐบาลเป็นอาวุธหนัก ฝ่ายค้านหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ถึงขั้นพร้อมเตรียมการเลือกตั้งทั่วไปด้วย นายณัฐพงษ์ บอกว่า เราเป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีนโยบายพร้อมมาก แบ่งเป็น 100 วันแรก 1 ปีแรก ครึ่งเทอมและครบ 4 ปี และการมี 300 นโยบาย ทำให้ผู้สมัคร สส.เขตกระจายตัวอยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
สมมติเลือกตั้งพรุ่งนี้ อย่างน้อยเรามีของที่พร้อมสื่อสารถึงประชาชนว่าต้องการเห็นประเทศเป็นแบบไหน
ฉะนั้นทุกพรรคพร้อมเลือกตั้งทุกวินาทีอยู่แล้ว
แต่พรรคประชาชนมีแต้มต่อพร้อมกว่าพรรคอื่น.
ทีมการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม