เสียงเฮงานเลี้ยงฉลอง เสียงฮาเกมจับของขวัญ บรรยากาศเข้าโหมดเทศกาลคริสต์มาส ต่อเนื่องเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ ห้างสรรพสินค้า โรงแรมใหญ่ ติดป้ายไฟระยิบระยับ สัปดาห์สุดท้ายที่พนักงานบริษัท ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจจะเคลียร์งานก่อนพักเบรกไปดื่มด่ำกับเทศกาลแห่งความสุข ผู้คนจิตใจจดจ่อกับแผนการเดินทางท่องเที่ยว กลับบ้านไปหาครอบครัว

ความสนุกรออยู่ข้างหน้า อารมณ์ไม่สนโลกตามฟอร์มเฮฮาแบบไทยๆ

ในจังหวะที่ข่าวสารการบ้านการเมืองก็นัวเนีย ผสมปนเจือไปกับสถานการณ์ส่งท้ายปี กั๊กรอศักราชใหม่ ดึงจังหวะชะลอคันเร่ง แต่ก็ไม่ได้ลดดีกรีความเข้มในเกมตะลุมบอนอำนาจลงแต่อย่างใด

อาศัยพักเบรก “ลับดาบ–ขัดปืน” เตรียมตัวสัประยุทธ์

ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่ “กุมารเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาชน ร่อนเทียบเชิญแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านรับประทานอาหารค่ำร่วมกันเป็นครั้งแรก

เปิดตัวอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่นั่งแท่นผู้นำกองทัพส้มคนใหม่

ใช้โอกาสในการหารือกลศึก จัดวางยุทธศาสตร์ในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามที่ประกาศยื่นญัตติเชือดคณะรัฐมนตรี ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในสมัยประชุมสภานี้พันเปอร์เซ็นต์

โดยเน้นความชัดเจนในการทำงานร่วมกับ “ฝ่ายค้านจำเป็น” อย่างค่ายพลังประชารัฐ เคลียร์ปมลักลั่นระหว่าง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ทหารเฒ่า 3 ป. ที่สวรรค์เล่นตลกให้มาอยู่ฝั่งเดียวกับทีมเด็กพรรคประชาชน

“ปลาคนละน้ำ” ทำใจยาก แต่ให้ลูกน้อง สส.มาแจมแทน

“มีลุง ไม่มีเรา” ยังเป็นฉนวน “ต่อไม่ติด” แต่ไม่ได้มีผลแต่อย่างใด ในเมื่อโฟกัสของฝ่ายค้าน มันก็อยู่ที่กองทัพส้ม หัวขบวนหลัก ด้วยขนาดของพรรค 140 กว่าเสียง เทียบกับ พปชร.ที่ สส.หดเหลือ 20 กว่าคน

...

คนดูมุ่งเป้าโฟกัสไปที่การโชว์ฟอร์มของ “กุมารเท้ง” มากกว่า

ไฟต์บังคับที่ผู้นำแถวสาม กองทัพส้ม ต้องการเปิดพื้นที่แสดงศักยภาพ โชว์ลำหัก ลำโค่น สมราคากับที่ถูกวางให้เป็นตัวแทนของ “พ่อด้อมส้ม” อย่าง “หนุ่มทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล

ฟอร์มเก่งลุยบี้ทุจริต สไตล์ “ไอ้เท้งเอาตายแน่” จะได้เห็นกันเต็มตาในศึกนี้

สถานการณ์ฝ่ายค้านปรับหมาก “ควบแน่น” การทำหน้าที่ในสภาจากที่กระจัดกระจาย แต่ในจังหวะที่งานเลี้ยงดินเนอร์ต้องดีเลย์ ล่าช้าไป 2–3 ชั่วโมง ผลจากการที่รัฐบาลมาถึงจุดที่ “ควบคุม” กันเองไม่ได้

ตบปากกันเลือดกบกลางสภา ลากไปประจานกลางตลาดสด

สวมวิญญาณแม่ค้าปากจัด ด่าลั่น “อีแอบ” ไม่ไว้หน้า

ตามฉากพิลึกพิลั่นในการลงมติร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่ สส.เสียงส่วนใหญ่โหวตหักลำ ย้ำโมเดลร่างของสภาผู้แทนฯที่ใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว ไม่เห็นชอบกับร่างของคณะกรรมาธิการร่วม 2สภาฯ ที่โดน “สว.สายน้ำเงิน” แปลงสารใหม่ เป็นการใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น

ล็อกเดิมพันไปถึงการรื้อรัฐธรรมนูญ ทำลายค่ายกล “ซือแป๋มีชัย”

ในสภาพแยกไม่ออก ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล เพราะเสียงข้างมากได้มาจากค่ายประชาชน คนรุ่นใหม่พรรคสีส้มที่เทแต้มไปทางเดียวกับทีมเพื่อไทย

สวนทางกับอาการเฮี้ยวๆ ของค่ายเซราะกราว ภูมิใจไทย ที่โดดโหน สว.สายสีน้ำเงิน “โหวตสวน” มติพรรคร่วมรัฐบาล ไม่รับสัญญาณเข้มๆจาก “นายใหญ่” ไม่สนแกนนำอย่างพรรคเพื่อไทย

หัวไปทาง หางไปทาง ลูกมั่วจากรัฐบาลผสม “สูตรพิสดาร” คายพิษ

ตามเงื่อนไขไฟต์บังคับที่อ่านไต๋กันได้แค่ชั้นเดียว 2 น. เซราะกราว “เนวิน ชิดชอบ–อนุทิน ชาญวีรกูล” ไม่มีทางปล่อยมือจาก “ค่ายกลซือแป๋มีชัย” ที่เอื้อประโยชน์ให้เต็มๆ ในการคุมเกมด่านอำนาจอนุรักษ์นิยม

“ไพ่แต้มต่อ” ใบสำคัญที่คุ้มกว่าการเสี่ยงอมไพ่ “สเปโต” วงรัมมี่

เพราะมันคือการ “เสียบแทน” ขุมอำนาจลุงทหารเฒ่า 3 ป. จังหวะเกรียน 2 น. ได้เซ้งต่อรัฐธรรมนูญปัจจุบันที่ถูกออกแบบไว้เพื่อการใช้อำนาจผ่านวุฒิสภา

คุมเกม “สว.สายสีน้ำเงิน” ในการ “จิ้ม” บุคลากรองค์กรอิสระ ทั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่นับการคุมด่านสกัดหรือไฟเขียวการออกกฎหมายสำคัญ

ยิ่งกว่าศึกแย่ง “ตะเกียงวิเศษอะลาดิน” ยังไงก็ “เคลียร์ไม่จบแน่ครับนาย”

สไตล์เขี้ยวทันกัน 2 น.ชิงกุมดุล “นิติสงคราม” กั๊กเชิงกับประมุขจันทร์ส่องหล้า

หนีไม่พ้นวังวนการเมืองเก่า ผลประโยชน์ขัดกันก็บรรลัย เพื่อนกินวงแตก

จับอาการแยกเขี้ยว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในตำนาน ชักข่มอารมณ์ไม่อยู่ อาละวาดฟาดงวงฟาดงา ทั้งด่าทั้งไล่พรรคร่วมรัฐบาล “อีแอบ” ลั่นเวทีสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่หัวหิน ต่อเนื่องกับลูกเหน็บ “เสี่ยหนู” หมั่นไส้ทีมเซราะกราว รีบโชว์หล่อในเกมเตะสกัดร่าง พ.ร.บ.ต้านปฏิวัติของ สส.เพื่อไทย

“นายใหญ่” ต้องเคลียร์โจทย์ซ้อนโจทย์ เงื่อนไขย้อนแย้ง

เพราะทางหนึ่งก็ต้องเรียกฟอร์มของฝ่ายประชา ธิปไตย เทกแอ็กชัน ไล่รื้อมรดก คสช. หวังดึงเครดิตคืนจากการพลิกลิ้น ฉีกขั้วผสมกับทหารเฒ่า

แต่นั่นไม่เท่ากับอีกทางที่อด “หึง” ไม่ได้ กับลีลา 2 น. เซราะกราว “เนวิน–อนุทิน” ที่โชว์แย่งถือธง ชิงเล่นบทหัวขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยมได้เนียนและอินกว่า

เทียบกับสถานะคาบลูกคาบดอกของ “ทักษิณ” ที่ ณ จุดนี้ยังไม่ชัวร์

กล้าๆกลัวๆ ห้าวไป แหยงไป เช็กสัญญาณไม่ทะลุ “ซอยตัน”

เพราะในจังหวะที่ออกลูกฮึกเหิม แสดงตัวผู้ถือตั๋วโปรโมชันอำนาจ ด่าลั่นอีแอบ อาการดุดันตั้งท่าถีบทิ้งพรรคร่วมรัฐบาลที่สั่งซ้ายหันขวาหันไม่ได้

แต่หันไปอีกทางแนวรบ “นิติสงคราม” กำลังกระชับวงล้อม

แม้จะโชว์อารมณ์เบาอกเบาใจกับการที่ศาลรัฐธรรมนูญ “ตีตก” ข้อหาล้มล้างการปกครอง จากการใช้สิทธิ “วีไอพี” เช็กอินยาวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

แต่รู้กันอยู่แก่ใจ นั่นมันฟ้องผิดศาล ร้องครอบจักรวาล

สถานการณ์ “ของจริง” มันอยู่ที่คิวของ ป.ป.ช.ที่มีมติตั้งกรรมการ ป.ป.ช.เต็มองค์คณะใหญ่ตรวจสอบกรณีการเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณได้อภิสิทธิ์คุมขังนอกเรือนจำ ไล่เบี้ยเช็กบิล 12 ข้าราชการ ทั้งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

จังหวะสอดคล้องกันเลยกับการที่ “แพทยสภา” ได้ทำหนังสือถึงโรงพยาบาลตำรวจ ขอตรวจสอบข้อมูลการรักษาอดีตนายกฯในตำนาน ไล่บี้ปมจริยธรรมทีมแพทย์ที่เซ็นรับรองอาการป่วยผู้ต้องขัง

ตามรูปการณ์ “เชื่อมโยง” ผลทางคดีที่มีน้ำหนักเต็มๆ

พร้อมๆกันยังเป็นคิวของนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ส่งสัญญาณพร้อมปิดคดี “ปาร์ตี้มาม่า” ในคฤหาสน์จันทร์ส่องหล้า นำมาซึ่งการตั้งรัฐบาลแพทองธาร โดยประสานขอข้อมูลจากพรรคร่วมรัฐบาล สอบปากคำแกนนำขาใหญ่ที่ปรากฏในภาพข่าวเดินเข้าถ้ำ “นายใหญ่”

รวมไปถึงคลิปลับจากค่ายพลังประชารัฐ หลักฐานเด็ดจากทีมบ้านป่าฯ

ลุ้นฟันธง “ครอบครอง” หรือ “ครอบงำ” รอไปลุ้นกันตอนศักราชใหม่

สัญญาณลบมาเต็มส่งท้ายปี “นายใหญ่” คงฉลองปีใหม่ได้ไม่สุด.


“ทีมการเมือง”

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม